เกาหลีใต้เผย กล่องดำเครื่องบินเจจูแอร์ หยุดทำงาน 4 นาที ก่อนเกิดเหตุหายนะ ชี้เป็นกรณีที่แปลกมาก เกิดขึ้นได้ยาก
ภาพจาก YONHAP / AFP
วันที่ 11 มกราคม 2568 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และรอยเตอร์ส รายงานว่า ทางการเกาหลีใต้กำลังดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุทางการบินที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศในรอบเกือบ 30 ปี กรณีโศกนาฏกรรมเจจูแอร์ เที่ยวบินที่ 7C 2216 ไถลออกนอกนอกรันเวย์ ขณะพยายามลงจอดที่สามบินมูอัน ก่อนพุ่งชนเข้ากับรั้วและเกิดเพลิงลุกไหม้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย และรอดปาฏิหาริย์มาได้ 2 ราย
โดยการสอบสวนคาดหวังว่าข้อมูลจากกล่องดำจะช่วยไขความกระจ่างได้ อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุด ทางกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (CVR) และเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน (FDR) ของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ที่ประสบเหตุ ได้หยุดทำงานไปประมาณ 4 นาทีสุดท้าย ก่อนที่จะเกิดหายนะขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากที่จะทำให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอุปกรณ์ไม่ทำงานเพราะอะไร
โดยทางกระทรวงฯ ระบุว่า "CVR และ FDR เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการสอบสวนอุบัติเหตุ แต่การสอบสวนอุบัติเหตุจะดำเนินการผ่านการสอบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงวางแผนที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระบุสาเหตุของอุบัติเหตุให้แม่นยำที่สุด"
โดยอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบิน (CVR) จะได้รับการวิเคราะห์โดยเจ้าหน้าที่ภายในประเทศเกาหลีใต้ก่อน หลังจากนั้นจะส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อตรวจเช็กและยืนยันความถูกต้อง ส่วนเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน (FDR) ซึ่งได้รับความเสียหายและขาดตัวเชื่อมต่อ ได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งสหรัฐฯ เพื่อทำการวิเคราะห์ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทางการเกาหลีใต้สรุปว่า ไม่สามารถดึงข้อมูลจากอุปกรณ์ดังกล่าวได้
ทั้งนี้ จากตอนที่นักบินส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งพุ่งชนโครงสร้างคอนกรีต เป็นเวลาประมาณ 4 นาที ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่กล่องดำหยุดการทำงานบันทึกข้อมูล
ซิม ไจดง อดีตเจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ กล่าวว่า "ข้อมูลสำคัญในนาทีสุดท้ายของเครื่องบินหายไปเช่นนี้ เป็นเรื่องแปลกที่น่าประหลาดใจ แสดงให้เห็นว่าพลังงานทั้งหมด รวมถึงพลังงานสำรองอาจถูกตัดไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก"
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN, Reuters