แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงหายประชวร โรคมะเร็งอยู่ในภาวะสงบแล้ว ยังคงมุ่งเน้นพักฟื้นร่างกาย พร้อมเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยคนอื่น
![เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว]( "เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว")
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
วันที่ 15 มกราคม 2568 บัญชี X @KensingtonRoyal ของสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ได้เผยแพร่ข้อความจาก แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาใน เจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยทรงเปิดเผยว่าพระอาการประชวรด้วยโรคมะเร็งขณะนี้อยู่ในภาวะโรคสงบ หรือภาวะสงบของโรคมะเร็ง (Cancer Remission) ซึ่งหมายความว่าไม่มีสัญญาณของมะเร็งแล้ว ภายหลังจากมีการตรวจพบเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา และทรงเข้ารับการรักษาทำเคมีบำบัด
โดยในแถลงการณ์ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงกล่าวว่า "ฉันอยากใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณโรงพยาบาล The Royal Marsden ที่ดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดปีที่ผ่านมา ฉันขอขอบคุณจากใจจริงไปยังทุกคนที่เดินเคียงข้างวิลเลียมและฉันอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เราผ่านพ้นทุกอย่างมาได้ เราไม่สามารถขออะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว การดูแลและคำแนะนำที่เราได้รับตลอดเวลาที่ฉันเป็นคนไข้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก"
![เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว]( "เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว")
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
"ฉันรู้สึกโล่งใจที่ตอนนี้โรคสงบแล้ว และฉันยังคงมุ่งเน้นในการฟื้นฟูร่างกาย ทุกคนที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจะรู้ว่าต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปกติแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม ฉันตั้งตารอที่จะพบกับปีแห่งความสำเร็จที่กำลังจะมาถึง มีสิ่งมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจที่มีให้ฉันอย่างต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุว่า
เจ้าหญิงหญิงเคททรงมีบทบาทใหม่เป็นผู้อุปถัมภ์ร่วมของ The Royal Marsden
โดยการสนับสนุนการวิจัย
รวมถึงการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ป่วยและครอบครัว
เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมาก
![เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว]( "เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงหายประชวร โรคมะเร็งสงบแล้ว")
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
โอกาสนี้ เจ้าหญิงเคท ยังทรงไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาล The Royal Marsden โดยทรงเห็นอกเห็นใจในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรงโดยพระองค์เอง ทรงกล่าวให้กำลังผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการทำเคมีบำบัดว่า "มันยากจริง ๆ เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทุกคนบอกกับฉันว่าโปรดคิดในแง่บวกเข้าไว้ มันจะช่วยได้มากทีเดียว ฉันหวังว่าจะสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้ ฉันอยากมาแสดงการสนับสนุนต่อการทำงานที่ยอดเยี่ยมที่นี่ และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษาและกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ ยินดีที่ได้รู้จักและขอให้โชคดี"
ขอบคุณข้อมูลจาก KensingtonRoyal, BBC
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
วันที่ 15 มกราคม 2568 บัญชี X @KensingtonRoyal ของสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ได้เผยแพร่ข้อความจาก แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาใน เจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยทรงเปิดเผยว่าพระอาการประชวรด้วยโรคมะเร็งขณะนี้อยู่ในภาวะโรคสงบ หรือภาวะสงบของโรคมะเร็ง (Cancer Remission) ซึ่งหมายความว่าไม่มีสัญญาณของมะเร็งแล้ว ภายหลังจากมีการตรวจพบเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา และทรงเข้ารับการรักษาทำเคมีบำบัด
โดยในแถลงการณ์ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงกล่าวว่า "ฉันอยากใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณโรงพยาบาล The Royal Marsden ที่ดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดปีที่ผ่านมา ฉันขอขอบคุณจากใจจริงไปยังทุกคนที่เดินเคียงข้างวิลเลียมและฉันอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เราผ่านพ้นทุกอย่างมาได้ เราไม่สามารถขออะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว การดูแลและคำแนะนำที่เราได้รับตลอดเวลาที่ฉันเป็นคนไข้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก"
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
"ฉันรู้สึกโล่งใจที่ตอนนี้โรคสงบแล้ว และฉันยังคงมุ่งเน้นในการฟื้นฟูร่างกาย ทุกคนที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจะรู้ว่าต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปกติแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม ฉันตั้งตารอที่จะพบกับปีแห่งความสำเร็จที่กำลังจะมาถึง มีสิ่งมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจที่มีให้ฉันอย่างต่อเนื่อง"
ภาพจาก X @KensingtonRoyal
โอกาสนี้ เจ้าหญิงเคท ยังทรงไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาล The Royal Marsden โดยทรงเห็นอกเห็นใจในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรงโดยพระองค์เอง ทรงกล่าวให้กำลังผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการทำเคมีบำบัดว่า "มันยากจริง ๆ เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทุกคนบอกกับฉันว่าโปรดคิดในแง่บวกเข้าไว้ มันจะช่วยได้มากทีเดียว ฉันหวังว่าจะสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้ ฉันอยากมาแสดงการสนับสนุนต่อการทำงานที่ยอดเยี่ยมที่นี่ และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษาและกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ ยินดีที่ได้รู้จักและขอให้โชคดี"
ขอบคุณข้อมูลจาก KensingtonRoyal, BBC
