เด็กหญิง 8 ขวบ ตาบอดกะทันหัน หมอตกใจหลังรู้พฤติกรรมการกิน ชี้ไม่มีหวังกลับมาเป็นปกติ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง แม้เด็กจะชอบกินมาก
![เด็กตาบอด เพราะกินอาหารแปรรูป เด็กตาบอด เพราะกินอาหารแปรรูป]()
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 30 มกราคม 2568 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 8 ขวบรายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ในประเทศมาเลเซีย เธอเกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะมาเข้ารับการรักษา ซึ่งเคสของเธอทำให้แพทย์ต้องตกใจ หลังได้ทราบถึงสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินของเธอ และเป็นเรื่องที่เศร้าใจมาก เมื่อเด็กหญิงจะต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.เออร์นา นาเดีย ได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับเคสนี้ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยว่า เด็กหญิงวัย 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา อยู่ ๆ วันหนึ่งเธอเกิดสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหันขณะอยู่ที่โรงเรียน ทางคุณครูจึงรีบพาตัวเด็กหญิงมาส่งที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากแพทย์ดำเนินการตรวจโดยละเอียดพบว่า เด็กหญิงมีอาการตาบอดสนิท เนื่องจากขาดวิตามินเออย่างรุนแรงเป็นเวลานาน และน่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งที่ความสูญเสียดังกล่าวไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ ต่อมาแพทย์ได้ซักประวัติและสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคของเด็กหญิง ก่อนจะทราบข้อมูลที่น่าตกใจไม่น้อย
เด็กหญิงรายนี้กินอาหารแปรรูปเป็นอาหารหลักทุกวันตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็นนักเก็ตไก่ ไส้กรอก และบิสกิต ทำให้ร่างกายของเธอขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างรุนแรง ตามข้อมูลของคลินิกคลีฟแลนด์ ศูนย์การแพทย์เชิงวิชาการของสหรัฐฯ ระบุว่า วิตามินเอมีความจำเป็นต่อการมองเห็นและการเผาผลาญอาหาร อาการเริ่มแรกของการขาดวิตามินเอ ได้แก่ ตาแห้งและมองเห็นไม่ชัด หากปล่อยปละละเลยไปและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่อาการตาบอดสนิทในที่สุด
โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ ผักใบเขียว ผลไม้
เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม และปลาแซลมอน
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาสุขภาพ
มากกว่าการพึ่งพาอาหารเสริม และที่สำคัญก็คือ
ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด
ดร.เออร์นา เตือนว่า ยิ่งอาหารแปรรูปมีอายุการเก็บรักษานาน และมีเม็ดสีมากเท่าใด ก็ยิ่งไม่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น การกินอาหารประเภทนี้เป็นเวลานาน อาหารอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพอย่างที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรระมัดระวังและเอาใจใส่พฤติกรรมการกินของลูก เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าเช่นเดียวกับเคสของเด็กหญิงรายนี้
เกี่ยวกับเคสของเด็กหญิงรายนี้ ดร.เออร์นา กล่าวว่าที่เธอนำมาเผยแพร่ ไม่ใช่เพื่อต้องการจะตำหนิพ่อแม่ของเด็ก แต่เธอต้องการเตือนในผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กควรได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความสมดุล ยกตัวอย่างเช่น ข้าวขาวกับไข่และซีอิ๊วขาว เป็นทางเลือกที่สามารถทำได้ง่าย อร่อย และราคาประหยัด
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 30 มกราคม 2568 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 8 ขวบรายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ในประเทศมาเลเซีย เธอเกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะมาเข้ารับการรักษา ซึ่งเคสของเธอทำให้แพทย์ต้องตกใจ หลังได้ทราบถึงสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินของเธอ และเป็นเรื่องที่เศร้าใจมาก เมื่อเด็กหญิงจะต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.เออร์นา นาเดีย ได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับเคสนี้ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยว่า เด็กหญิงวัย 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา อยู่ ๆ วันหนึ่งเธอเกิดสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหันขณะอยู่ที่โรงเรียน ทางคุณครูจึงรีบพาตัวเด็กหญิงมาส่งที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากแพทย์ดำเนินการตรวจโดยละเอียดพบว่า เด็กหญิงมีอาการตาบอดสนิท เนื่องจากขาดวิตามินเออย่างรุนแรงเป็นเวลานาน และน่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งที่ความสูญเสียดังกล่าวไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ ต่อมาแพทย์ได้ซักประวัติและสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคของเด็กหญิง ก่อนจะทราบข้อมูลที่น่าตกใจไม่น้อย
เด็กหญิงรายนี้กินอาหารแปรรูปเป็นอาหารหลักทุกวันตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็นนักเก็ตไก่ ไส้กรอก และบิสกิต ทำให้ร่างกายของเธอขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างรุนแรง ตามข้อมูลของคลินิกคลีฟแลนด์ ศูนย์การแพทย์เชิงวิชาการของสหรัฐฯ ระบุว่า วิตามินเอมีความจำเป็นต่อการมองเห็นและการเผาผลาญอาหาร อาการเริ่มแรกของการขาดวิตามินเอ ได้แก่ ตาแห้งและมองเห็นไม่ชัด หากปล่อยปละละเลยไปและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่อาการตาบอดสนิทในที่สุด
ดร.เออร์นา เตือนว่า ยิ่งอาหารแปรรูปมีอายุการเก็บรักษานาน และมีเม็ดสีมากเท่าใด ก็ยิ่งไม่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น การกินอาหารประเภทนี้เป็นเวลานาน อาหารอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพอย่างที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรระมัดระวังและเอาใจใส่พฤติกรรมการกินของลูก เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าเช่นเดียวกับเคสของเด็กหญิงรายนี้
เกี่ยวกับเคสของเด็กหญิงรายนี้ ดร.เออร์นา กล่าวว่าที่เธอนำมาเผยแพร่ ไม่ใช่เพื่อต้องการจะตำหนิพ่อแม่ของเด็ก แต่เธอต้องการเตือนในผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กควรได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความสมดุล ยกตัวอย่างเช่น ข้าวขาวกับไข่และซีอิ๊วขาว เป็นทางเลือกที่สามารถทำได้ง่าย อร่อย และราคาประหยัด
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday