ผู้ดูแลชเวก๊กโก เชิญนักข่าว BBC ไปเยี่ยมชม บอกไม่ใช่อาณาจักรสแกมเมอร์ ไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังถูกรัฐบาลไทยตัดไฟ เห็นกับของจริงยังบอกว่าเชื่อยาก

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักข่าว BBC ได้นำเสนอรายงานพิเศษ ภายหลังจาก โจนาธาน เฮด (Jonathan Head) ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC News ได้รับเชิญจากทางบริษัทของจีนผู้ดูแลเมืองชเวก๊กโก ให้เข้าไปเยี่ยมชมพื้นที่ของจริง ภายหลังจากเกิดประเด็นถูกรัฐบาลไทยใช้มาตรการตัดไฟ โดยอ้างว่าที่แห่งนั้นไม่ใช่อาณาจักรสแกมเมอร์ ไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพียงแต่เป็นเมืองใหม่เพื่อการท่องเที่ยวและศูนย์รวมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
รายงานเปิดเผยว่า โครงการของกลุ่มธุรกิจจีนที่ตั้งอยู่บนชายแดนเมียนมา-ไทย เป็นแหล่งที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์ที่ทำกำไรมหาศาล เชื่อกันว่าธุรกิจสแกมเมอร์ สร้างรายได้ให้กับหัวหน้าแก๊งอาชญากรชาวจีนเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี มีผู้คนนับพันถูกกักขังบังคับให้ใช้แรงงาน สร้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมืองแห่งใหม่ล่าสุดที่เพิ่งสร้างขึ้นคือชเวก๊กโก เป็นการลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5 แสนล้านบาท) ที่อ้างว่าจะมีกาสิโน โรงแรมหรู และศูนย์รวมความบันเทิง
![ชเวก๊กโกเชิญนักข่าว BBC ไปเยี่ยม ชเวก๊กโกเชิญนักข่าว BBC ไปเยี่ยม]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
โจนาธาน ผู้สื่อข่าว BBC News ได้รับอนุญาตให้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเมืองชเวก๊กโก เผยว่า มันดูเหมือนเมืองจีนในต่างจังหวัด มีตัวอักษรจีนอยู่ตามตึกอาคารทุกหลัง และมีพนักงานชาวจีนคอยดูแลสถานที่ โดยเขาได้ตั้งคำถาม ทำไมบริษัทจีนที่ชื่อว่า ย่าไท่ (Yatai) ถึงเลือกมาตั้งโครงการธุรกิจมูลค่ามหาศาลที่ชายแดนของเมียนมา หนึ่งในพื้นที่ที่ยากจนและโดดเดี่ยวที่สุดของเอเชีย ทั้งยังเป็นเขตสงครามที่กลุ่มกบฏทำสงครามกับรัฐบาลมานานกว่า 70 ปี
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลได้พาโจนาธานนั่งรถสำรวจไปรอบ ๆ ชเวก๊กโก โจนาธาน กล่าวว่า ขนาดของอาคารและความใหญ่โตอลังการของโครงการน่าทึ่งมาก แต่สิ่งที่ไม่ชัดเจนคือ "รูปแบบธุรกิจคืออะไร ?" พวกเขาอ้างว่า ได้ยุติหลอกลวงและการค้ามนุษย์แล้วที่นั่น แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ทั้งหมดที่เห็น ก็คิดไม่ออกว่าเงินมหาศาลที่เอามาลงทุนนั้นเอามาจากไหน
![ชเวก๊กโกเชิญนักข่าว BBC ไปเยี่ยม ชเวก๊กโกเชิญนักข่าว BBC ไปเยี่ยม]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ทางผู้ดูแลอ้างว่า ชเวก๊กโกเป็นเมืองสีเขียวที่ปลอดภัย พวกเขาบอกอยู่ตลอดเส้นทางว่า จะมีป้ายขนาดใหญ่ติดอยู่ตามถนนเป็นข้อความ 3 ภาษา ระบุว่า ห้ามบังคับใช้แรงงานและค้ามนุษย์ ที่นั่นมีโรงแรม ร้านอาหาร และห้องสมุด มีแม้กระทั่งสาขาของสตาร์บัคส์ที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เห็นลูกค้าเพียงไม่กี่คนบริเวณรอบ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่นั่น โดยทั้งหมดนั้นทางทีมผู้สื่อข่าว BBC ได้รับอนุญาตให้ดูได้เฉพาะภายนอกอาคารเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ ชาวบ้านบางคนแอบบอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า ธุรกิจสแกมเมอร์เกี่ยวกับการหลอกลวงทั้งหลายยังคงเฟื่องฟูที่นี่ ตอนกลางคืนที่ตึกจะเห็นแสงไฟสว่างไสว และมีกาสิโนสำหรับนักพนันชาวจีน
โจนาธานเชื่อว่า ข่าวด้านลบเกี่ยวกับนั่นที่เชื่อว่าเป็นอาณาจักรสแกมเมอร์ ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากลงทุนไปมหาศาล พวกเขาจึงต้องการจะประชาสัมพันธ์และโน้มน้าวว่าพวกเขาแตกต่างจากที่ทุกคนคิด พวกเขาพยายามบอกว่าที่นั่นเป็นเมืองสมัยใหม่แห่งหนึ่ง แต่ความเป็นจริงที่พบคือ "เมื่อเราอยู่ที่นั่นก็คือไม่มีธุรกิจอื่นที่สามารถทำได้ในพื้นที่นั้นเลย ยกเว้นการหลอกลวงเหล่านี้"
"เมื่อได้เห็นจากพื้นที่จริงแล้ว พวกเขาไม่น่าเชื่อถือ ฉันคิดว่าสิ่งที่บริษัททุนจีนได้ทำคือการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ ให้คอยปกป้องและมอบพื้นที่ให้พวกเขา"
โจนาธานยังเผยว่า เขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานที่นั่นเพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไปที่นั่น เธออธิบายอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำอย่างไร ภายในอาคารที่พวกเขาไม่อนุญาตให้เข้าไปดูนั้นมีลูกกรงที่หน้าต่าง ทั้งหมดทำเกี่ยวกับการหลอกลวง หลายคนทำงานที่นั่นโดยสมัครใจ แต่แน่นอนว่ามีเหยื่ออีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกหลอกไปทำงานที่นั่น รวมไปถึงผู้คนมากมายทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้
>>> ชมคลิปรายงานข่าวฉบับเต็ม ที่นี่ <<<
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC News

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักข่าว BBC ได้นำเสนอรายงานพิเศษ ภายหลังจาก โจนาธาน เฮด (Jonathan Head) ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC News ได้รับเชิญจากทางบริษัทของจีนผู้ดูแลเมืองชเวก๊กโก ให้เข้าไปเยี่ยมชมพื้นที่ของจริง ภายหลังจากเกิดประเด็นถูกรัฐบาลไทยใช้มาตรการตัดไฟ โดยอ้างว่าที่แห่งนั้นไม่ใช่อาณาจักรสแกมเมอร์ ไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพียงแต่เป็นเมืองใหม่เพื่อการท่องเที่ยวและศูนย์รวมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
รายงานเปิดเผยว่า โครงการของกลุ่มธุรกิจจีนที่ตั้งอยู่บนชายแดนเมียนมา-ไทย เป็นแหล่งที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์ที่ทำกำไรมหาศาล เชื่อกันว่าธุรกิจสแกมเมอร์ สร้างรายได้ให้กับหัวหน้าแก๊งอาชญากรชาวจีนเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี มีผู้คนนับพันถูกกักขังบังคับให้ใช้แรงงาน สร้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมืองแห่งใหม่ล่าสุดที่เพิ่งสร้างขึ้นคือชเวก๊กโก เป็นการลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5 แสนล้านบาท) ที่อ้างว่าจะมีกาสิโน โรงแรมหรู และศูนย์รวมความบันเทิง

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
โจนาธาน ผู้สื่อข่าว BBC News ได้รับอนุญาตให้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเมืองชเวก๊กโก เผยว่า มันดูเหมือนเมืองจีนในต่างจังหวัด มีตัวอักษรจีนอยู่ตามตึกอาคารทุกหลัง และมีพนักงานชาวจีนคอยดูแลสถานที่ โดยเขาได้ตั้งคำถาม ทำไมบริษัทจีนที่ชื่อว่า ย่าไท่ (Yatai) ถึงเลือกมาตั้งโครงการธุรกิจมูลค่ามหาศาลที่ชายแดนของเมียนมา หนึ่งในพื้นที่ที่ยากจนและโดดเดี่ยวที่สุดของเอเชีย ทั้งยังเป็นเขตสงครามที่กลุ่มกบฏทำสงครามกับรัฐบาลมานานกว่า 70 ปี
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลได้พาโจนาธานนั่งรถสำรวจไปรอบ ๆ ชเวก๊กโก โจนาธาน กล่าวว่า ขนาดของอาคารและความใหญ่โตอลังการของโครงการน่าทึ่งมาก แต่สิ่งที่ไม่ชัดเจนคือ "รูปแบบธุรกิจคืออะไร ?" พวกเขาอ้างว่า ได้ยุติหลอกลวงและการค้ามนุษย์แล้วที่นั่น แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ทั้งหมดที่เห็น ก็คิดไม่ออกว่าเงินมหาศาลที่เอามาลงทุนนั้นเอามาจากไหน

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ทางผู้ดูแลอ้างว่า ชเวก๊กโกเป็นเมืองสีเขียวที่ปลอดภัย พวกเขาบอกอยู่ตลอดเส้นทางว่า จะมีป้ายขนาดใหญ่ติดอยู่ตามถนนเป็นข้อความ 3 ภาษา ระบุว่า ห้ามบังคับใช้แรงงานและค้ามนุษย์ ที่นั่นมีโรงแรม ร้านอาหาร และห้องสมุด มีแม้กระทั่งสาขาของสตาร์บัคส์ที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เห็นลูกค้าเพียงไม่กี่คนบริเวณรอบ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่นั่น โดยทั้งหมดนั้นทางทีมผู้สื่อข่าว BBC ได้รับอนุญาตให้ดูได้เฉพาะภายนอกอาคารเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ ชาวบ้านบางคนแอบบอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า ธุรกิจสแกมเมอร์เกี่ยวกับการหลอกลวงทั้งหลายยังคงเฟื่องฟูที่นี่ ตอนกลางคืนที่ตึกจะเห็นแสงไฟสว่างไสว และมีกาสิโนสำหรับนักพนันชาวจีน
โจนาธานเชื่อว่า ข่าวด้านลบเกี่ยวกับนั่นที่เชื่อว่าเป็นอาณาจักรสแกมเมอร์ ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากลงทุนไปมหาศาล พวกเขาจึงต้องการจะประชาสัมพันธ์และโน้มน้าวว่าพวกเขาแตกต่างจากที่ทุกคนคิด พวกเขาพยายามบอกว่าที่นั่นเป็นเมืองสมัยใหม่แห่งหนึ่ง แต่ความเป็นจริงที่พบคือ "เมื่อเราอยู่ที่นั่นก็คือไม่มีธุรกิจอื่นที่สามารถทำได้ในพื้นที่นั้นเลย ยกเว้นการหลอกลวงเหล่านี้"
"เมื่อได้เห็นจากพื้นที่จริงแล้ว พวกเขาไม่น่าเชื่อถือ ฉันคิดว่าสิ่งที่บริษัททุนจีนได้ทำคือการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ ให้คอยปกป้องและมอบพื้นที่ให้พวกเขา"
โจนาธานยังเผยว่า เขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานที่นั่นเพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไปที่นั่น เธออธิบายอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำอย่างไร ภายในอาคารที่พวกเขาไม่อนุญาตให้เข้าไปดูนั้นมีลูกกรงที่หน้าต่าง ทั้งหมดทำเกี่ยวกับการหลอกลวง หลายคนทำงานที่นั่นโดยสมัครใจ แต่แน่นอนว่ามีเหยื่ออีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกหลอกไปทำงานที่นั่น รวมไปถึงผู้คนมากมายทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้