เปิดคำสารภาพ มือฆ่า 3 ศพ พ่อแม่ลูก เหี้ยมไม่สลด ยังตีเนียนไปดูที่เกิดเหตุวันเจอศพ แถมส่งเบาะแสลวงให้นักข่าว สุดท้ายไม่รอด รวบคนร่วมลงมือด้วย

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากคดีสะเทือนขวัญ ฆ่ายกครัว 3 ศพ พ่อ-แม่-ลูก หมกศพในรถกระบะ นำไปจอดหน้าบ้านร้างและคลุมผ้าปิดรถไว้อย่างมิดชิด ในพื้นที่ ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งญาติได้แจ้งความคนหายไว้กว่า 1 เดือนก่อนเจอศพ ซึ่งจากพยานหลักฐานตำรวจคาดเดาว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัว โดยพบว่ามีคนแกล้งทำเป็นหญิงผู้ตาย ส่งข้อความมาให้น้องชาย กระทั่งในที่สุด ก็พบผู้ต้องสงสัย 3 รายที่ร่วมกันฆ่า 3 ศพ ล่าสุด (15 กุมภาพันธ์ 2568) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับสืบสวนหาพยานหลัฏฐาน กระทั่งสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุและผู้ร่วมก่อเหตุได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุคือ นายศิวกร หรือ โน๊ต เพื่อนของน้องชาย น.ส.นันทกานต์ ผู้ตาย ซึ่งอ้างว่าแค้นที่นำปืนมาจำนำกับ นายวงศกร ผู้ตาย แต่นายวงศกรไม่ยอมให้เงิน จึงลงมือฆ่ายกครัว ไม่เว้นลูกวัย 7 ขวบ
เส้นทางคลี่คลายคดี
โดยย้อนเส้นทางการคลี่คลายคดี หลังพบศพวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตำรวจเรียกพยานเข้ามาให้ปากคำ รวมถึงนายศิริชัย น้องชายของ น.ส.นันทกานต์ ที่ให้ข้อมูลว่า มี SMS ที่อ้างว่าเป็นพี่สาวส่งมา แต่เบอร์นั้นไม่ใช่ของพี่สาว อีกทั้งเนื้อความยังมีจุดผิดสังเกต เช่นเรียกลูกชายว่า ไอ้อ้วน เรียกสามีว่า มัน ซึ่งแม้ตนจำข้อความทั้งหมดไม่ได้เพราะถูกลบไปแล้ว แต่เชื่อว่าเป็นข้อความที่คนร้ายส่งมา โดยหลอกว่าเป็นพี่สาว
กระทั่งวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายศิริชัย พบเบอร์โทรศัพท์ ที่ส่งข้อความ SMS มาหานายศิริชัย ในเวลา 22.25 น. ภายหลังครอบครัวไปแจ้งคนหาย ระบุว่า
"พี่แจงนะ ไปแจ้งความทำไม เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่โต พี่มาทำธุระกับพี่ใหม่ มันมารอเอาเงินอยู่ตีนเขา พรุ่งนี้ตอนค่ำ ๆ ก็กลับแล้ว ดูบ้านด้วยนะ ตื่นเปิดร้านด้วย บอกพ่อด้วยไม่ต้องห่วงทางนี้ เค้าไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยต้องพิมพ์ฝากข้อความนี้ให้คนอื่นออกไปส่ง ไม่ต้องให้ใครรู้นะว่าพี่มาทำอะไรกัน ไปถอนแจ้งความเลย เดี๋ยวพี่ใหม่จะโดนตรวจสอบการเงินเอา ลาครูให้ไอ้อ้วนด้วย ใครมาฝากเงินก็จดไว้ให้หน่อย เดี๋ยวพี่กลับไปเคลียร์เอง อ่านแล้วก็ลบด้วย ไม่ต้องติดต่อกลับมานะ พรุ่งนี้ได้โทรศัพท์คืน เดี๋ยวโทรไปเอง" ขณะเดียวกัน ทางตำรวจไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยมีการดูดน้ำออกจากบ่อลึก 8 เมตร ที่อยู่ใกล้จุดจอดรถ รวมถึงตรวจสอบบ้านร้างทั้ง 2 หลัง และยังใช้กำลังตำรวจเดินเรียงแถวหน้ากระดาน เพื่อหาพยานหลักฐานอย่างละเอียด จนในช่วงบ่ายมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือค้นหาโทรศัพท์ระยะไกล หรือเครื่องด๊อง มาใช้สะกดรอยเส้นทางการใช้โทรศัพท์ของผู้ตายและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
![จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนผลการชันสูตรศพ ชัดเจนว่าทั้ง 3 ศพ ถูกยิงที่ศีรษะ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าถูกยิงคนละกี่นัด ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียด พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แถลงว่า เจ้าหน้าที่เชิญน้องชายผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ในประเด็น SMS และนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ ให้การว่านำปืนมาจำนำกับผู้ตาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงผู้ตาย และผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีความสนิทสนมกับน้องชายของผู้ตายด้วย
โดยปืนที่คาดว่าใช้ก่อเหตุ คือปืนบีบีกันดัดแปลง ซึ่งเป็นปืนที่ผู้ตายครอบครองอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่พบปืนกระบอกดังกล่าว
ส่วนเรื่องเบอร์โทรศัพท์ปริศนา เป็นเบอร์ที่ลงทะเบียนซิมโดยแรงงานชาวเมียนมา โดยคนไทยที่ยังเป็นปริศนา ซื้อซิมมาใช้ ส่งข้อความหาน้องชายผู้ตาย และยังมีเบาะแสเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น ๆ ด้วย
![จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก]()
ภาพจาก โหนกระแส
สอบเข้มเพื่อนน้องผู้ตาย จนยอมรับสารภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ทางตำรวจเรียกตัว นายศิวกร อ่อนเกตุ หรือ โน๊ต เพื่อนของน้องชายของผู้ตาย มาสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง เพราะมีข้อมูลว่า เป็นคนที่นำปืนมาให้ผู้ตาย โดยอ้างว่านำปืนมาจำนำกับผู้ตาย
กระทั่งเวลา 17.00 น. ตำรวจจึงคุมตัวนาย นายศิวกร มาเก็บดีเอ็นเอ และตรวจสอบร่างกายเพื่อหาตำหนิต่าง ๆ ซึ่งระหว่างที่ถูกคุมตัวออกจากห้องเก็บหลักฐาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายศิวกรในหลายประเด็น แต่เจ้าตัวอ้างว่ายังไม่ใช่ผู้ต้องหา แค่มาให้ปากคำเท่านั้น และเมื่อถามเรื่องได้โทร. หรือรับสายเบอร์ปริศนาของชาวเมียนมาหรือไม่ นายศิวกรเผลอตอบว่า ตนโทร. เป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว จนเมื่อผู้สื่อข่าวย้ำเรื่องนี้ นายศิวกรเหมือนได้สติ มีอาการเอะอะและไม่ตอบคำถามอะไรอีก อ้างว่าตัวเองเพิ่งรู้พร้อมนักข่าว กระทั่งเวลา 19.20 น. มีรายงานว่า นายศิวกร ผู้ต้องสงสัย ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนสังหาร 3 คน พ่อแม่ลูก โดยอ้างว่านำปืนไปจำนำกับผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ให้เงิน จึงโกรธและลงมือฆ่า และยืนยันว่าทำคนเดียว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ
นายศิวกร ยังสารภาพว่า ไม่พอใจที่นายวงศกร บอกว่าจะให้ยืมเงิน 1 แสนบาท ไปลงทุนทำธุรกิจทางเกษตร แต่เมื่อลงทุนแล้ว ผู้ตายทำเฉยไม่ให้เงิน วันเกิดเหตุตนมีการทวงถามเงินอีก และเกิดทะเลาะวิวาทกัน ก่อนคว้าปืนที่จำนำไว้กับผู้ตายมายิงนายวงศกร ก่อนจะยิงภรรยากับลูกของผู้ตาย เพื่อฆ่าปิดปาก
จากนั้นก็โทร. ไปหา นายเข้ ให้มาช่วยยกศพขึ้นรถ แล้วพากันออกไปจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเอาทองผู้ตายไปขาย โดยเจ้าของร้านโอนเงิน 1 แสนบาท เข้าบัญชีนายศิวกร
![จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก]()
ภาพจาก โหนกระแส
สุดแสบ มือฆ่าเนียนตีสนิทนักข่าว แฝงตัวไปจุดเกิดเหตุ
ทั้งนี้มี
รายงานว่า นายศิวกรไม่เพียงรู้จักครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี
ในช่วงที่มีการพบศพผู้ตาย
นายศิวกรยังแชร์ข่าวและคลิปจากกล้องวงจรปิดสุดท้ายของครอบครัวผู้ตาย
ทำราวกับเป็นห่วงเป็นใย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นอกจากนายศิวกร จะรู้จักกับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี
เพราะเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายผู้ตายแล้ว ช่วงที่มีข่าวพบศพผู้ตาย นายศิวกร
ยังแชร์ข่าวและแชร์คลิปกล้องวงจรปิดภาพสุดท้ายของครอบครัวผู้ตาย
ทำราวกับว่า ตนเองเป็นห่วงเป็นใยครอบครัวผู้ตาย
อีกทั้งในวันที่
14 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 01.00 น. นายศิวกร ยังส่งไลน์มาหาผู้สื่อข่าว
ทำทีมาให้ข้อมูลเบาะแส
พยายามชี้นำว่าน้องชายผู้ตายเป็นคนนำสร้อยของผู้ตายไปจำนำ
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเปิดเผยข้อมูลกับตำรวจ นายศิวกรก็พูดบ่ายเบี่ยงว่า
หากมีอะไรจะมาแจ้งเพิ่ม และในเวลา 11.00 น.
ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวติดตามทำข่าวในจุดเกิดเหตุ
นายศิวกรยังทำทีมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว แถมตำหนิฆาตกรมว่า "โหดเหี้ยม
ทำได้อย่างไร" ทั้งพยายามเดินวนเวียนในจุดเกิดเหตุ
คุมตัวผู้เกี่ยวข้อง
อนึ่ง
หลังนายศิวกรยอมรับสารภาพและซักทอดไปถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือ
ช่วงค่ำวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ทางตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยอีกรายคือ
นายนิรุธ หรือ นายยศ ซึ่งเป็นคนที่ซื้อซิมโทรศัพท์จากชาวเมียนมา
และเป็นคนส่ง SMS ไปหาน้องชายผู้ตาย
ส่วน นายเข้ ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนช่วยยกศพผู้ตายขึ้นรถ และเป็นคนขับพานายศิวกรไปขายทองนั้น ทางตำรวจกำลังนำตัวมาสอบปากคำ
นอกจากนี้
ตำรวจยังคุมตัว น.ส.ปาลิตา และ นายชัยณรงค์ สองแม่ลูกที่พบว่า
โทรเข้า-ออกไปยังเบอร์โทร.ปริศนา มาสอบปากคำ
เนื่องจากยังมีข้อพิรุธหลายส่วน รวมทั้งหลังจากที่พบศพผู้ตายแล้ว
นายศิวกรหนีไปกบดานที่บ้านนายชัยณรงค์ เพราะรู้จักกัน ทั้งนี้
ตำรวจเผยผลสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งหมด พบว่ารับสารภาพแล้ว 1 ราย
และอยู่ระหว่างการขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนน้องชายผู้ตาย กับ
นายชัยณรงค์ ไม่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด ทาง พล.ต.ท.
อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะไปแถลงข่าวที่ สภ. คลองขลุง ในวันนี้
(15 กุมภาพันธ์)
ส่วนศพของทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างมายังวัดศรีภิรมย์แล้ว ท่ามกลางญาติ ๆ
ที่มารอรับและร้องไห้ด้วยความเสียใจ
จากนั้นจึงนำศพใส่โลงเย็นเพื่อเตรียมสวดอภิธรรมคืนแรก โดยจะสวด 3 คืน
และจะมีพิธีฌาปนกิจพร้อมกัน ในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว