
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล รายงานว่า เกิดเหตุนักท่องเที่ยวหญิงแคนาดา วัย 55 ปี ถูกฉลามกัดจนต้องสูญเสียมือทั้ง 2 ข้าง ระหว่างไปเที่ยวดำน้ำตื้นบริเวณชายหาด บนหมู่เกาะเติกส์และเคคอส อาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร โดยเหตุเกิดขณะที่เธอเข้าไปใกล้ฉลามขนาดยาวเกือบ 2 เมตร เพื่อพยายามจะถ่ายรูปมัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวหญิงรายดังกล่าวกำลังดำน้ำตื้นอยู่ ก่อนจะเห็นฉลามตัวหนึ่งว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้น จึงเข้าไปถ่ายรูปมัน ก่อนที่นักล่าแห่งท้องทะเลจะเริ่มการจู่โจมกัดมือจนทำให้เธอร้องลั่น ฝ่ายสามีได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาก็ตกใจ รีบวิ่งลงไปในน้ำและไล่ฉลามออกไป พร้อมนำตัวภรรยาขึ้นมาบนฝั่ง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
หญิงรายดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสที่มือทั้ง 2 ข้าง จากภาพที่มีคนถ่ายไว้ได้ พบว่าหลังนำตัวขึ้นมา ทางครอบครัวและคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างเข้ามารุมดูเธออย่างหวาดผวา ที่มือของเธอมีผ้าพันไว้เพื่อห้ามเลือด ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยต่อมาเธอย้ายไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลในแคนาดา แต่โชคร้ายที่แพทย์ไม่สามารถเก็บมือที่บาดเจ็บไว้ได้ และจำเป็นต้องตัดทิ้งทั้ง 2 ข้าง
ตามแถลงการณ์ของกรมทรัพยากรชายฝั่งและสิ่งแวดล้อม (DECR) ของหมู่เกาะเติกส์และเคคอส ระบุว่า นักท่องเที่ยวแคนาดาพยายามจะเข้าไปยุ่งกับสัตว์ เพื่อที่จะถ่ายรูปมัน โดยไม่สนใจต่ออันตรายที่เธอเผชิญอยู่ เธอกำลังดำน้ำตื้นอยู่ตอนที่ถูกฉลามกัด โดยไม่ทันตั้งตัวต่อการโจมตีของมัน ซึ่งสุดท้ายก็ต้องจ่ายบทเรียนราคาแพง
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของฉลาม ทางหน่วยงานแนะนำให้นักท่องเที่ยวว่ายน้ำเฉพาะบริเวณที่กำหนด หลีกเลี่ยงน้ำขุ่น และอย่าว่ายน้ำคนเดียว รวมถึงอยู่ให้ห่างเข้าไว้เมื่อพบเห็นฉลาม
ขณะที่ คริส สเตฟานู ชาวประมงและนักอนุรักษ์จากนิวยอร์ก สหรัฐฯ ชี้ว่า โดยทั่วไปแล้วเหตุการณ์ฉลามทำร้ายมนุษย์นั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่เขาคาดว่าสมาร์ตโฟนของหญิงรายดังกล่าวอาจมีส่วนทำให้เกิดการโจมตีขึ้น โดยฉลามหรือสัตว์นักล่าใด ๆ ในมหาสมุทรอาจสับสนว่ามันเหมือนเป็นกับปลาที่เป็นเหยื่อล่อ เพราะมันคงไม่ได้เห็นมนุษย์แล้วคิดว่าอยากจะเข้าไปงับเฉย ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Odditycentral