คู่รักเล่าประสบการณ์หลอน ถูกบังคับให้นั่งข้างศพบนเครื่องบิน 4 ชั่วโมง หลังมีคนตายบนเครื่องกะทันหัน อึ้งมีที่อื่นว่างแต่ลูกเรือไม่ย้ายให้ ซ้ำบังคับให้อยู่จนถึงตอนดูศพ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
หลายครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับศพบนเครื่องบิน และวิธีจัดการของลูกเรือเมื่อมีผู้โดยสารเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง แต่ในมุมของผู้โดยสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มันอาจเป็นประสบการณ์สุดหลอนที่ชวนอึดอัดใจ ดังเช่นคู่รักหนึ่งจากประเทศออสเตรเลีย ที่ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้นั่งอยู่ข้าง ๆ ศพ บนเครื่องบินนานถึง 4 ชั่วโมง ขณะเดินทางกับสายการบินระดับโลกอย่างกาตาร์ แอร์เวย์ส
โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์สกายนิวส์ รายงานว่า ไมเคิล ริง และ เจนนิเฟอร์ โคลิน อยู่บนเที่ยวบินที่เดินทางจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย มุ่งหน้าไปยังกรุงโดฮา ของกาตาร์ ระหว่างการเดินทางที่มีจุดหมายสุดท้ายที่อิตาลี ตอนที่อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มีผู้หญิงรายหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำและล้มลงตรงบริเวณใกล้ ๆ แถวที่นั่งของคู่รัก
ขณะนั้นพวกเขาเดินทางมาได้ประมาณ 10 ชั่วโมงแล้ว และยังเหลืออีก 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง โชคร้ายที่ทีมลูกเรือไม่สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารหญิงรายนั้นได้ และเธอก็เสียชีวิตบนเครื่องบิน ซึ่งนายริง เผยกับรายการ A Current Affair ของออสเตรเลียว่า "มันเป็นภาพที่น่าเศร้าใจมาก"
"พวกเขาพยายามจะย้ายเธอออกไป มีการนำเก้าอี้มา จับตัวเธอไว้บนเก้าอี้นั้นและพยายามจะเข็นเธอไปยังชั้นธุรกิจ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวค่อนข้างใหญ่ พวกเขาไม่สามารถนำร่างเธอผ่านทางเดินไปได้" นายริง เล่าถึงช่วงเวลานั้น ชี้ว่าลูกเรือสังเกตเห็นว่ามีเก้าอี้ว่างอยู่ตรงข้าง ๆ เขากับแฟน จึงขอให้พวกเขาขยับเก้าอี้ไป เพื่อจะนำศพมาไว้ตรงข้าง ๆ เขา
"พวกเขาบอกว่า คุณช่วยขยับไปหน่อยได้ไหม และผมก็ตอบว่า ได้ ไม่มีปัญหา จากนั้นพวกเขาก็เอาหญิงคนนั้นมาไว้ตรงเก้าอี้จุดที่ผมอยู่" นายริง กล่าว
และนั่นคือสิ่งเขาต้องเผชิญตลอดการเดินทางที่เหลืออยู่อีก
4 ชั่วโมง นั่งอยู่ข้างศพที่มีผ้าห่มคลุมร่างไว้
จนกว่าจะถึงปลายทางที่กรุงโดฮา
สิ่งที่เกิดขึ้นยังสร้างความไม่สบายใจแก่นางโคลินที่ทั้งช็อกและรู้สึกทรมานกับช่วงเวลานั้น
และแม้จะมีที่นั่งว่างอีกหลายที่ใกล้ ๆ กัน
ลูกเรือกลับไม่ได้เสนอจะย้ายพวกเขาไปนั่งที่อื่น
สถานการณ์เลวร้ายยังไม่จบ คู่รักถูกบังคับให้อยู่รอหลังจากเครื่องบินแตะพื้นตอนลงจอดแล้ว ก่อนที่ตำรวจและทีมแพทย์จะขึ้นมาบนเครื่อง พวกเขาต้องนั่งอยู่กับที่ขณะที่ทีมแพทย์นำผ้าห่มที่คลุมศพออก พร้อมตรวจสอบสภาพศพ ทำให้เขาเห็นภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงเห็นใบหน้าของผู้ตาย
"ผมไม่อยากเชื่อ พวกเขาบอกให้เราอยู่... นั่นไม่ดีเลย พวกเขามีหน้าที่ต้องดูแลผู้โดยสารเช่นเดียวกับทีมงาน พวกเขาควรจะติดต่อมาหาเรา ถามสักหน่อยว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม ต้องการการให้คำปรึกษาอะไรไหม" นายริง กล่าว และชี้ว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไง และอยากพูดคุยกับใครสักคนเพื่อจะได้มั่นใจว่าเขาโอเคจริง ๆ
แม้ว่าการเดินทางไปเที่ยวอิตาลี จะเป็นแผนวันหยุดในฝันของพวกเขา ที่ทั้งคู่พยายามจะมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน แต่ทริปนั้นทั้งคู่กลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย และชี้ว่าทางสายการบินไม่ได้ติดต่อมาเพื่อเสนอความช่วยเหลือใด ๆ แก่พวกเขาเลยหลังเหตุการณ์ช็อกนั้น
ต่อมา กาตาร์แอร์เวย์ส เผยแถลงการณ์ผ่าน NBC News ระบุว่า "ก่อนอื่นเราต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้โดยสารที่จากไปอย่างน่าเศร้าบนเที่ยวบินของเรา เราขออภัยในความไม่สะดวกหรือความไม่สบายใจใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ และอยู่ระหว่างติดต่อกับผู้โดยสารตามนโยบายและขั้นตอนของเรา"
ขอบคุณข้อมูลจาก Sky News, Daily Mail

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
หลายครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับศพบนเครื่องบิน และวิธีจัดการของลูกเรือเมื่อมีผู้โดยสารเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง แต่ในมุมของผู้โดยสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มันอาจเป็นประสบการณ์สุดหลอนที่ชวนอึดอัดใจ ดังเช่นคู่รักหนึ่งจากประเทศออสเตรเลีย ที่ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้นั่งอยู่ข้าง ๆ ศพ บนเครื่องบินนานถึง 4 ชั่วโมง ขณะเดินทางกับสายการบินระดับโลกอย่างกาตาร์ แอร์เวย์ส
โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์สกายนิวส์ รายงานว่า ไมเคิล ริง และ เจนนิเฟอร์ โคลิน อยู่บนเที่ยวบินที่เดินทางจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย มุ่งหน้าไปยังกรุงโดฮา ของกาตาร์ ระหว่างการเดินทางที่มีจุดหมายสุดท้ายที่อิตาลี ตอนที่อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มีผู้หญิงรายหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำและล้มลงตรงบริเวณใกล้ ๆ แถวที่นั่งของคู่รัก
ขณะนั้นพวกเขาเดินทางมาได้ประมาณ 10 ชั่วโมงแล้ว และยังเหลืออีก 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง โชคร้ายที่ทีมลูกเรือไม่สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารหญิงรายนั้นได้ และเธอก็เสียชีวิตบนเครื่องบิน ซึ่งนายริง เผยกับรายการ A Current Affair ของออสเตรเลียว่า "มันเป็นภาพที่น่าเศร้าใจมาก"
"พวกเขาพยายามจะย้ายเธอออกไป มีการนำเก้าอี้มา จับตัวเธอไว้บนเก้าอี้นั้นและพยายามจะเข็นเธอไปยังชั้นธุรกิจ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวค่อนข้างใหญ่ พวกเขาไม่สามารถนำร่างเธอผ่านทางเดินไปได้" นายริง เล่าถึงช่วงเวลานั้น ชี้ว่าลูกเรือสังเกตเห็นว่ามีเก้าอี้ว่างอยู่ตรงข้าง ๆ เขากับแฟน จึงขอให้พวกเขาขยับเก้าอี้ไป เพื่อจะนำศพมาไว้ตรงข้าง ๆ เขา
"พวกเขาบอกว่า คุณช่วยขยับไปหน่อยได้ไหม และผมก็ตอบว่า ได้ ไม่มีปัญหา จากนั้นพวกเขาก็เอาหญิงคนนั้นมาไว้ตรงเก้าอี้จุดที่ผมอยู่" นายริง กล่าว
สถานการณ์เลวร้ายยังไม่จบ คู่รักถูกบังคับให้อยู่รอหลังจากเครื่องบินแตะพื้นตอนลงจอดแล้ว ก่อนที่ตำรวจและทีมแพทย์จะขึ้นมาบนเครื่อง พวกเขาต้องนั่งอยู่กับที่ขณะที่ทีมแพทย์นำผ้าห่มที่คลุมศพออก พร้อมตรวจสอบสภาพศพ ทำให้เขาเห็นภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงเห็นใบหน้าของผู้ตาย
"ผมไม่อยากเชื่อ พวกเขาบอกให้เราอยู่... นั่นไม่ดีเลย พวกเขามีหน้าที่ต้องดูแลผู้โดยสารเช่นเดียวกับทีมงาน พวกเขาควรจะติดต่อมาหาเรา ถามสักหน่อยว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม ต้องการการให้คำปรึกษาอะไรไหม" นายริง กล่าว และชี้ว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไง และอยากพูดคุยกับใครสักคนเพื่อจะได้มั่นใจว่าเขาโอเคจริง ๆ
แม้ว่าการเดินทางไปเที่ยวอิตาลี จะเป็นแผนวันหยุดในฝันของพวกเขา ที่ทั้งคู่พยายามจะมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน แต่ทริปนั้นทั้งคู่กลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย และชี้ว่าทางสายการบินไม่ได้ติดต่อมาเพื่อเสนอความช่วยเหลือใด ๆ แก่พวกเขาเลยหลังเหตุการณ์ช็อกนั้น
ต่อมา กาตาร์แอร์เวย์ส เผยแถลงการณ์ผ่าน NBC News ระบุว่า "ก่อนอื่นเราต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้โดยสารที่จากไปอย่างน่าเศร้าบนเที่ยวบินของเรา เราขออภัยในความไม่สะดวกหรือความไม่สบายใจใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ และอยู่ระหว่างติดต่อกับผู้โดยสารตามนโยบายและขั้นตอนของเรา"
ขอบคุณข้อมูลจาก Sky News, Daily Mail