CEO หญิง เล่าฝันร้ายบนเครื่องบิน เจอผู้ชายข้าง ๆ นั่งสาวหนอนเป็นชั่วโมง แจ้งลูกเรือกลับถูกเมิน จ่ายค่าตั๋วเป็นแสน สุดท้ายแต่เจอแบบนี้

วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเรื่องราวของ นีล เอลเชอรีฟ ซีอีโอหญิงจากบริษัทแบรนด์หรู ที่ต้องพบเจอประสบการณ์ไม่น่าจดจำขณะเดินทางโดยสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส จากนิวยอร์ก ซิตี สหรัฐฯ ไปเมืองมิลาน ของอิตาลี หลังจากที่เธอถูกบังคับให้นั่งอยู่ติดกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งชักว่าวสำเร็จความใคร่เป็นอยู่ชั่วโมง แถมยังถูกลูกเรือเพิกเฉยตอนที่แจ้งเรื่องให้ทราบ
รายงานเผยว่า เอลเชอรีฟ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท 3 แห่ง จ่ายเงินค่าตั๋ว 3,000 ดอลลาร์ (ราว 100,000 บาท) เพื่อเดินทางโดยที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียม ของเที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งออกเดินทางเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ระหว่างนั้นเธอนั่งติดอยู่กับชายผิวขาวรายหนึ่ง ที่สั่งแชมเปญมาดื่มตลอดทั้งเส้นทางจนมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด
จนเมื่อไฟบนเครื่องถูกหรี่ลง ในตอนที่เอลเชอรีฟกำลังจะงีบหลับ เธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นข้าง ๆ ตัว เมื่อผู้ชายที่นั่งอยู่ติดกันใช้มือกุมเป้า และถูอวัยวะเพศผ่านกางเกงไม่หยุด แถมยังถูหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอถึงกับช็อกตัวแข็ง เมื่อรู้ตัวว่าชายคนนี้นั่งสำเร็จความใคร่อย่างโจ่งแจ้ง
เป็นเวลาประมาณ 60 นาที ที่ชายคนดังกล่าวนั่งช่วยตัวเองไม่หยุด ขณะที่ลูกเรือก็ไม่ได้เข้ามาห้ามหรือแทรกแซงใด ๆ ในตอนที่เอลเชอรีฟแจ้งให้ลูกเรือทราบถึงความอึดอัดและไม่สบายใจของเธอ ลูกเรือกลับบอกเพียงว่า "ผู้ชายก็ชอบทำอะไรแบบนี้แหละ"
ลูกเรือย้ำอีกด้วยว่า สามีของตัวเองก็ทำพฤติกรรมแบบเดียวกัน ทำให้ซีอีโอหญิงยิ่งช็อกหนัก
สิ่งที่พบเจอทำให้เอลเชอรีฟ ตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบินดังกล่าว ซึ่งในเอกสารคำฟ้องอย่างเป็นทางการ ระบุว่า "ลูกเรืออ้างว่าไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากย้ายเธอไปที่นั่งชั้นประหยัด เธอเรียกร้องให้ย้ายผู้ชายคนนั้นไปแทน แต่ลูกเรือปฏิเสธ"

ภาพจาก Instagram neelelsherif
ทนายของเอลเชอรีฟ ชี้ว่า สาเหตุที่ซีอีโอหญิงชาวอาหรับผู้นี้ถูกเมินเฉย เป็นเพราะเพศและเชื้อชาติของเธอ ท่าทีของลูกเรือตอกย้ำอคติและความเชื่อผิด ๆ ที่มองว่าผู้หญิงจำต้องทนต่อพฤติกรรมของผู้ชาย และไม่ได้มองว่าการที่ผู้ชายคนนั้นนั่งสำเร็จความใคร่อยู่ข้าง ๆ เธอ เป็นการคุกคามทางเพศ
ขณะเดียวกันยังพบว่า ลูกเรือให้การดูแลเป็นพิเศษกับผู้โดยสารชายคนนั้นมากกว่าเอลเชอรีฟ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้ชายคนนั้นมากกว่า เพียงเพราะเขาเป็นผู้ชายผิวขาว นอกจากนี้ เอลเชอรีฟยังเห็นว่าหลังจากที่ตัวเองยอมย้ายไปนั่งชั้นประหยัด ลูกเรือได้เข้าไปเสิร์ฟแชมเปญให้ผู้ชายคนนั้นต่อเรื่อย ๆ แถมยังมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนานและเป็นมิตร
ทั้งนี้ เป็นเวลาร่วมชั่วโมงที่เอลเชอรีฟรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก เกินกว่าจะนอนหลับหรือแกล้งทำเป็นหลับได้เพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นอาจพยายามแตะต้องตัวเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นทิ้งความเสียหายทางอารมณ์อย่างรุนแรงและยาวนาน ทำให้เธอมีอาการวิตกกังวลขั้นรุนแรง กลัวการบิน และมีบาดแผลทางใจ ทำให้เธอตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบิน ในวันที่ 21 มีนาคม 2568
ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail, CBS AUSTIN