ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีคำสั่งชี้ขาดให้ เนสท์เล่ เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Nescafé และ เนสกาแฟ กลับมาขายได้อีกครั้ง

ภาพจาก Georgy Malevich / Shutterstock.com
จากกรณี ศาลแพ่งมีนบุรี ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าระหว่างนี้ เรื่องผลิตภันฑ์ของ เนสกาแฟ จำนวนมากจะขาดตลาดหรือมีราคาเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่นั้น
อ่านข่าว : เนสท์เล่ แถลงปมศาลสั่งห้ามผลิต จำหน่าย นำเข้า เนสกาแฟ คนหวั่นขาดตลาด-เกิดอะไรขึ้น !?
วันที่ 12 เมษายน 2568 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังพันธมิตรทางการค้า เพื่อแจ้งความคืบหน้าล่าสุดถึงสถานการณ์ของธุรกิจเนสกาแฟ โดยระบุว่า
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งชี้ขาดให้ เนสท์เล่ เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Nescafe และ เนสกาแฟ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ ทำให้ เนสท์เล่ สามารถกลับมาจำหน่ายเนสกาแฟ ได้ตามปกติ
สำหรับหนังสือดังกล่าว ระบุว่า บริษัทขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนของท่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับธุรกิจเนสกาแฟ
ตามที่ได้มีการสื่อสารกับท่านเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568
บริษัทมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบว่า
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ทป
58/2568 ได้มีคำสั่งยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า "Nescafe"
และ "เนสกาแฟ" ในประเทศไทย
และสามารถใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้
ซึ่งคำสั่งศาลนี้มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568
ตามผลของคำสั่งข้างต้น ทางบริษัทมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เนสท์เล่ สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานของเนสท์เล่พร้อมจะให้บริการและให้ความช่วยเหลือท่านในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การดำเนินงานตามปกติ
บริษัทขอขอบคุณท่านสำหรับความเข้าใจในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากท่านมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อได้โดยตรง
เนสท์เล่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน และจะเดินหน้าลงทุนเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกรที่ร่วมงานกับเรา และพันธมิตรทางธุรกิจ และหวังว่าจะยังคงความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับท่านต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ

ภาพจาก Georgy Malevich / Shutterstock.com
จากกรณี ศาลแพ่งมีนบุรี ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าระหว่างนี้ เรื่องผลิตภันฑ์ของ เนสกาแฟ จำนวนมากจะขาดตลาดหรือมีราคาเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่นั้น
อ่านข่าว : เนสท์เล่ แถลงปมศาลสั่งห้ามผลิต จำหน่าย นำเข้า เนสกาแฟ คนหวั่นขาดตลาด-เกิดอะไรขึ้น !?
วันที่ 12 เมษายน 2568 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังพันธมิตรทางการค้า เพื่อแจ้งความคืบหน้าล่าสุดถึงสถานการณ์ของธุรกิจเนสกาแฟ โดยระบุว่า
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งชี้ขาดให้ เนสท์เล่ เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Nescafe และ เนสกาแฟ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ ทำให้ เนสท์เล่ สามารถกลับมาจำหน่ายเนสกาแฟ ได้ตามปกติ
สำหรับหนังสือดังกล่าว ระบุว่า บริษัทขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนของท่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับธุรกิจเนสกาแฟ
ตามผลของคำสั่งข้างต้น ทางบริษัทมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เนสท์เล่ สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานของเนสท์เล่พร้อมจะให้บริการและให้ความช่วยเหลือท่านในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การดำเนินงานตามปกติ
บริษัทขอขอบคุณท่านสำหรับความเข้าใจในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากท่านมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อได้โดยตรง
เนสท์เล่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน และจะเดินหน้าลงทุนเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกรที่ร่วมงานกับเรา และพันธมิตรทางธุรกิจ และหวังว่าจะยังคงความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับท่านต่อไป
ทั้งนี้ ทาง เนสท์เล่ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เนสท์เล่ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางครั้งนี้ เพราะจะช่วยหยุดผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อผู้ประกอบการขนาดเล็ก ร้านค้าปลีก คู่ค้าซัพพลายเออร์ และพนักงานในห่วงโซ่คุณค่าของเนสกาแฟ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดจากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนหน้านี้ที่ออกโดยศาลแพ่งมีนบุรี นอกจากนี้ ผู้บริโภคก็จะสามารถหาซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทุกชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งมีนบุรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 เนสท์เล่ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ได้รับการยืนยันจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งทำให้เรากลับมาดำเนินธุรกิจเนสกาแฟได้ตามปกติ
เนสท์เล่ ขอยืนยันว่าเราเคารพกฎหมายเสมอมาและได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญากับบริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และเรามีหลักฐานของการปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาอย่างครบถ้วน ก่อนหน้านี้ เราได้ชนะคดีที่ศาลอนุญาโตตุลาการสากล โดยที่ คุณประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว ได้แก่คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ และคุณอุษณา มหากิจศิริ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น QCP ได้เข้าร่วมในกระบวนการไต่สวนของศาลอนุญาโตตุลาการสากลด้วยตนเอง
เนสท์เล่ ขอขอบคุณผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนเนสกาแฟ ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้
เนสท์เล่ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและจะยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกรที่ทำงานร่วมกับเรา ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจ และคู่ค้าของเรา
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ