Thailand Web Stat

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย คืนตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ลั่นทำตามกรอบอุทยาน 100%

         ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้ายประกาศคืนตำแหน่ง ลั่น ! ผมรักทะเล ไม่ได้รักตำแหน่ง ยันทำตามกรอบอุทยาน 100%
ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         เปิดใจ ทราย สก๊อต หนุ่มนักอนุรักษ์ ทายาทตระกูลดัง หลังประกาศคืนตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ท้าอธิบดีให้ออกมาคุยกันตัวต่อตัว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

         หลายคนอยากรู้ว่ามาทำงานเป็นที่ปรึกษากรมอุทยานได้ยังไง ?

         "เบื้องต้นผมทำงานรอบนอกกับอุทยานมาเสมอ ผมทำงานดำน้ำช่วงโควิด พาไปเซอร์เวย์เก็บขยะตามแนวเกาะ ทำงาน 3 เดือน ดำ 12 เกาะ เก็บรอบเกาะหมด ว่ายน้ำข้ามทะเลเลยเป็นกระแส ผมได้รู้จักกับอธิบดีตอนนั้น เขาอยากชวนมาทำงานร่วมกัน เราได้ทำงานร่วมกันอีกอันคือว่ายน้ำข้ามจังหวัด จากกระบี่ไปภูเก็ต ประมาณ 50 กิโลเมตร สองวัน เราได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ เริ่มนอกรอบตั้งแต่ 2021 แต่ได้รับการแต่งตั้งต้นปีที่แล้วครับ"
 
         วัน ๆ ที่ต้องทำงาน ทำอะไรบ้าง ?

         "ตอนที่ผมได้รับการแต่งตั้งอย่างแรก ภารกิจของผมคือดูแลทรัพยากรทางทะเล และดูเกาะทางภาคใต้ทั้งหมด อย่างแรกคือผมทำความเข้าใจว่าทรัพยากรตามเกาะพวกนี้ประมาณ 10 กว่าอุทยาน มีอะไรบ้าง มีปัญหาแตกต่างกันยังไง หลากหลายไหมผมเลยไปทำแบบนั้น นอกนั้นก็ว่ายน้ำรอบเกาะเพื่อเซอร์เวย์ว่าตามแนวปะการังมีขยะตรงไหนบ้าง มีการฟอกขาวไหม ผมก็ให้เจ้าหน้าที่ที่ไปกับผมปักหมุดจีพีเอสเหมือนผมเป็นโลมาว่ายสำรวจให้ดู เพราะถ้าผมไม่ว่ายสำรวจแบบนั้น เขาก็คงมานั่งเรือดูกันทั้งวัน"

         มาช่วยเสริมกำลังให้ดูชัดเจนและลงลึกมากขึ้น ?

         "ใช่ครับ ส่งเสริมภารกิจ"

         ตลอดระยะเวลาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ไม่รับเงินเดือนเลย ?

         "ไม่เลยครับ ผมไม่รับเลย เพราะว่าจริง ๆ เจ้าหน้าที่ของประเทศไทยส่วนใหญ่ที่อยู่ทะเลตามหน้างานเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่รายวันซะส่วนใหญ่ เขาไม่ได้ค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่ถึงขั้นต่ำ บางทีไม่ถึง 8 พัน แต่ภารกิจเขาเป็นงานที่เสี่ยงมาก ๆ เขาต้องดำน้ำลงไปวางทุ่นเรือ 50 เมตร เขาก็ไม่มีประกันชีวิตที่ดูแลความเสี่ยงเรื่องนี้ ผมคิดว่าถ้าเจ้าหน้าที่ที่อยู่นานกว่าผม เขายังไม่มีสิทธิ์เรื่องนี้ แล้วผมจะมารับเงินเดือนทำไม ยังไงผมไม่อยากอยู่ภายใต้อำนาจของใครด้วย ถ้าผมไม่รับเงินเดือนผมสามารถมีอิสระโดยไม่ต้องขึ้นกับใคร ผมโฟกัสเรื่องอนุรักษ์ได้เต็มที่ ไม่ได้ผลประโยชน์ของคนอื่นครับ"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         เคยทำคลิปชี้แจงเรื่องการที่ไม่ได้รับเงินเดือนไว้แล้วด้วย ตรงนั้นได้พูดถึงเรื่องอะไรบ้าง ?

         "ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับสวัสดิการที่เขาคู่ควร บางทีสังคมไทยมองว่าถ้าเกิดเขาเป็นเจ้าหน้าที่ในอุทยาน หรือหัวหน้าอุทยาน เขาคงเป็นคนที่เราไว้วางใจว่าทุกคนจะปกป้องทรัพยากรให้เราอย่างดี จริง ๆ บางคนก็ดีนะครับ มีเจ้าหน้าที่หรือหัวหน้าอุทยานในอดีต อย่าง สืบ นาคะเสถียร ที่เขาเป็นตัวอย่าง แต่หลาย ๆ คนไม่ใช่สแตนดาร์ดแบบนั้น เขาเป็นคนปกติมีกิเลสบ้าง บางทีเขามีครอบครัวก็มีความอยาก เป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้หมายถึงทุกคนจะเป็นโกสแตนดาร์ด" 

         พอทำงานแล้ว มีโปรเจกต์อยากทำเยอะมาก สิ่งที่เข้ามาในหัวคือเรื่องอะไรบ้าง ?

         "แล้วแต่พื้นที่เลยครับ อย่างที่เกาะพีพี อ่าวปิเละ ปีที่แล้วผมเข้าไปดู อ่าวนี้แค่ประมาณ 3 กิโลเมตร ผมตกใจว่าอ่าวมีพื้นที่ 3 กิโลเมตร แต่มีเรือเข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้นชั่วโมงละ 200 กว่าลำ ไม่มีการจราจร ไม่มีการวางเขตเลยว่าตรงไหนเล่นน้ำได้ ตรงไหนเล่นน้ำไม่ได้ นักท่องเที่ยวก็โดดเล่นน้ำ จนเรือเฉี่ยวบ้าง เรือชนกันบ้าง ผมเห็นว่าถ้าไม่มีระเบียบ และไม่ยึดกับกฎ มันเสียหายเยอะขนาดไหน แล้วมันเละเทะ มันอันตรายกับทุกคนเลยครับ"

         ควรมีเจ้าหน้าที่ดูแลถูกต้องไหม ?

         "ใช่ครับ แต่ที่อุทยานนั้นเจ้าหน้าที่เขาน้อยครับ"

         งานการดูแลอุทยานเยอะแยะมากมาย เจ้าหน้าที่ได้รับเงินเดือนเป็นรายวัน ต่อท่านหนึ่งได้วันละกี่บาท ?

         "จากที่ผมทำงานด้วย เขาบอกว่าเขาได้ประมาณ 8 พันต่อเดือน ไม่รู้ว่าวันหนึ่งเฉลี่ยกี่บาท" 

         ส่วนใหญ่ทำด้วยใจรัก แต่ก็เข้าใจทราย งานที่ทำมันเหนื่อย เสี่ยง อยากให้ดูแลเจ้าหน้าที่มากขึ้น เขาจะได้ดูแลครอบครัวเขาได้บ้าง ?

         "ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าผมอยู่ข้างเจ้าหน้าที่เสมอ ถ้าเขามีสวัสดิการ หรือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เขาก็จะทำงานด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ผมเลยออกมาพูดเรื่องนี้ครับ"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         ทรายเคยออกมาทำคลิป แล้วบอกเหตุผลที่ทำไมไม่รับเงินเดือน อีกเรื่องที่ใหญ่มาก ๆ พอประกาศเรื่องนี้ออกมา เป็นไวรัลเลย ประกาศลาออกวันที่ 12 เม.ย. อะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ?

         "ผมเห็นว่าปะการังตายไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้ผมไปปกป้อง ลงไปแล้วได้ผลอะไร ถ้ามันตาย ปีที่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ โดยเฉพาะทั่วโลกทั่วประเทศที่อยู่ตรงกลางโลก เราเจอหน้าร้อนที่ร้อนผิดปกติ ซึ่งมันก็เป็นภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้น ตั้งแต่เดือน 3 ปีที่แล้ว ปะการังในประเทศไทยที่อยู่น้ำตื้น ฟอกขาวแบบรุนแรง ฟอกขาวเกือบหมด 80 เปอร์เซ็นต์ 

         ปะการังเขาสามารถรับอาหารได้สองทาง คือหนึ่งการสังเคราะห์แสง สองเขามีหนวดเล็ก ๆ คอยจับอาหารกินตอนกลางคืนหรือกลางวัน ตอนฟอกขาวเขาจะขับถ่ายสาหร่ายที่อยู่ในเซลส์ที่สามารถสังเคราะห์แสงได้ มันก็ทำให้เขาสีขาว เขาเลยได้อาหารแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ เหมือนคนป่วยเป็นโคม่า ต้องนอนอยู่บนเตียง อาการหนักครับ ช่วงนี้สำคัญสำหรับอุทยาน เขาก็ทำปิดพื้นที่ฟื้นฟู เหมือนคนโคม่าถ้าเอาคนเป็นหวัดไปใกล้ ๆ เขา เขาอาจติดเชื้อแล้วไม่รอดเลยทีนี้ 

         แต่สิ่งที่ผมเจอคือการท่องเที่ยวบางจังหวัดบางกลุ่มบางพื้นที่ เขาไม่ให้เกียรติกับการไม่เข้าไปในพื้นที่ปิดฟื้นฟู เขาพานักท่องเที่ยวไปเสมอ เพราะมันเป็นที่ที่เขาคุ้นชิน เลยส่งผลส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ความผิดเขาทั้งหมด แต่ส่งผลให้แนวปะการังตรงนี้ไม่ได้การฟื้นฟูเลย ผมเห็นเมื่อต้นปีนี้ ผ่านไปปีหนึ่งแล้วจากที่ฟอกขาวว่ามันตายไปหมด"
 
         กี่จังหวัดที่อยู่ในความควบคุมของเรา ?

         "ส่วนใหญ่ผมเน้นกระบี่กับพวกสิมิลัน บอกได้เลยว่าปะการังน้ำตื้นกระบี่ตายไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว"

         ต้นปีไปค่ายน้องอเล็กซ์ ไปดำน้ำกระบี่ คุณครูเอาวิดีโอปีที่แล้วถ่ายมาให้ดู เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่เกิดปีที่แล้ว มีปะการังและปลาตัวเล็ก ๆ เต็มไปหมดเลย แต่ปีที่เราไปดู เขาก็ถ่ายที่เดิม มันไม่มีแล้วจริง ๆ ปะการังที่เคยเป็นสีเขียวสีส้มหายไปเลย ทำให้ไม่มีปลาด้วย พอไม่มีปะการัง ปลาก็ไม่มา นั่นแค่ที่เดียว ?

         "ภาพที่ผมถ่าย นี่คือการฟอกขาวของปะการัง พี่ดูมันขาวเกือบหมด เหลือแค่หย่อม ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ นี่คือการฟอกขาวก่อนที่มันตาย"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         ถ้ายังไม่ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูจริงจัง ปัญหาหลังจากนี้คืออะไร ?

         "มันกลายเป็นสีเทาแล้วตายเลย มันกลายเป็นก้อนหิน จุดนั้นก็ไม่เห็นปะการังอีกเลย"

         มันเกิดขึ้นใหม่แล้วทำให้กลับมาฟื้นฟูได้ไหม ?

         "ถ้าใน 20 เปอร์เซ็นต์ตรงนั้น มีหัวเชื้อที่แรงพอ และมันขยายพันธุ์ ก็สามารถปล่อยเชื้อแล้วเกิดที่ใหม่ได้ แต่ต้องเน้นว่าปีหนึ่งปะการังเขาโตไม่ถึง 5 เซนติเมตร กองใหญ่ ๆ แบบนี้เป็นทรัพยากรที่สืบทอดมา นี่คือสิ่งที่ผมพยายามจะปกป้อง มันเป็นสิ่งที่หายในพริบตาในยุคของเรา ในยุคของผม เอาผู้ใหญ่ที่อยู่นานกว่าผม เหมือนพี่ ๆ สิ่งที่พี่เคยเห็นก่อนผมเกิด มันน่าจะดีกว่านี้ สเกลของปัญหาใหญ่มากกว่าที่ทุกคนคิดนะครับ แล้วดูมันแย่ขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นปีที่แล้วไม่ใช่เรื่องปกติ แล้วมันก็แย่ขึ้น เพราะเรายังไม่เข้าหน้าฟอกขาวปีนี้เลยครับ"


         การฟอกขาวของปะการังจะมีช่วงฤดูของมัน ?
         
         "ทุกช่วงที่มันร้อนครับ ผมว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ เรื่องที่เกิดกับทะเลมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยครับ"

         รู้สึกยังไง รักธรรมชาติ รักทะเลเบอร์นี้ ต้องวางมือกับสิ่งที่ตัวเองรักมาก ๆ ?

         "ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมเห็นในการตอบรับของทุกคน การที่ผมเสียสละแค่นี้ แต่มีคนตื่นขึ้นมา และรับรู้เรื่องพวกนี้ ผมว่าคุ้มคูณร้อยกับสิ่งที่ผมเสียสละไป ผมรักทะเล ผมไม่ได้รักตำแหน่ง ถ้าสิ่งที่ผมทำมันช่วยทะเล ไม่ว่าอะไรผมก็ยินดีทำทั้งหมด การที่ผมรักการว่ายน้ำไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับทะเล นี่เป็นสิ่งที่จะกระทบกับคนไทยทุกคน ทุกคนต้องตื่นตระหนักเรื่องนี้" 

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         
คลิปที่เป็นไวรัล บางคนเห็นด้วยกับทราย บางมุมไม่เห็นด้วย คลิปที่บอกว่านักท่องเที่ยวเหยียดเราด้วยคำว่าหนีห่าว พูดแบบนี้ไม่ได้เหรอ ผิดตรงไหน ?

         "ผมได้ข่าวว่าคลิปนี้คนที่ฮาวายก็เห็นเหมือนกัน เขาบอกทุกคนเห็นด้วยหมด คนเอเชียไม่ว่าจะไทย ญี่ปุ่น จีน เขารู้สึกตอนโดนคนผิวขาวเหยียดเรา ผมไม่ต้องบรรยายอะไรเยอะเลย ทุกคนรู้สึกหมดครับ ยิ่งเราอยู่ประเทศไทยยิ่งสมควรสอนเขา เพราะนี่คือบ้านของเรา ผมไม่ยอมให้ฝรั่งคนไหนมาเหยียดเราในบ้านเรา ถ้าเราอยู่ต่างประเทศเราคงตอบโต้เขาไม่ได้มาก ถ้าเขามาบ้านเรา ไม่ ศักดิ์ศรีกับเกียรติที่เขาควรให้ประเทศไทย มันต้องดีกว่านี้ครับ"

         เขาถึงบอกว่าถ้าเป็นความรู้สึกส่วนตัว เราถึงขนาดให้เขากลับประเทศไปเลย รุนแรงไปไหม ?

         "ไม่ครับ ผมว่าการที่เขากลับบ้านมันดีแล้ว เขาจะได้ไปนั่งบนเตียงโรงแรมแล้วนึกถึงสิ่งที่เขาพูด จะได้รู้ว่าถ้าเขาพูดแบบนี้กับคนไทยคนอื่นเขาอาจได้รับอะไรแบบนี้ ได้รับการทำโทษแบบนี้ แล้วสิ่งที่ผมทำมันอยู่ในกฎอุทยานด้วย มันมีว่าถ้านักท่องเที่ยวไม่ฟังเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็สามารถเชิญเขาออกได้ครับ"

         แต่หลายคนบอกว่าเราทำเกินหน้าที่ไป จนมีคนไปแจ้งเรื่องถึงอธิบดี เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่เลย ตอนนี้เหมือนปลดออกจากที่ปรึกษา มีผลเพราะเรื่องนี้หรือเรื่องอื่น ๆ ?

         "จริง ๆ ผมเลือกที่จะออกตั้งแต่ที่ผมเห็นปะการังตายแล้วล่ะครับ แต่ผมก็รู้สึกว่าโอเค ยังไงคลิปต่าง ๆ ที่จะปล่อยหลังจากนี้ ไม่ใช่แค่คลิปหนีห่าว แต่มีคลิปผู้ประกอบการบางคนโยนสมอในพื้นที่ด้วย ผมรู้ว่าลงคลิปพวกนี้ผมก็อยู่ต่อไม่ได้อยู่ดี"

         ตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดี ทำไมต้องลงมาคลุกมายุ่งจัดการบางพื้นที่ขนาดนั้น นี่เป็นคำถามที่หลายคนถามว่าเราทำเกินหน้าที่หรือเปล่า ?

         "ผมคิดว่าถ้าเกิดเขาอยากให้ผมเปลี่ยน เขาอยากให้ผมทำอะไร นั่งในห้องแอร์แล้วไม่ทำอะไร ชี้นิ้วสั่งให้คนทำโน่นทำนี่ ไม่ไปแก้ปัญหาเอง ไม่ไปดูเอง ไม่ไปจับเอง แล้วปรับปรุงเอง นั่นไม่ใช่การทำงานที่มีประสิทธิภาพครับ เราต้องดูกับตาและทำกับมือครับ ไม่งั้นไม่ใช่งานที่มีคุณภาพครับ"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         สุดท้ายต้องยอมรับว่าบ้านเมือง ประเทศ ก็มีกฎ กติกา สิ่งที่เรากำลังทำ ถ้าดูกฎในการทำงาน เราละเมิดกฎนั้นมั้ย ?

         "ไม่ครับ ผมทำถูกทุกข้อ ผมเป็นคนชอบเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมทำก่อนผมลงไปทำครับ"

         ในกฎของกรมอุทยาน ศึกษากฎกติกามาหมดแล้ว ?

         "ใช่ครับ ผมสอบถามเจ้าหน้าที่เสมอครับ เพราะผมทำมามากกว่าปีหนึ่งแล้วนะครับ ผมถามเขาเสมอว่าทำแบบนี้ได้ เจอแบบนี้ต้องแก้ไขยังไง ผมทำตามกรอบ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจากนั้น หนังสือแต่งตั้งผม และหน้าที่ของผม มันลิสต์ไว้อยู่แล้วว่าผมทำอะไร ผมก็ได้ทำตามที่เขาคุยกัน"

         หลายคนอยากรู้ว่ามีเอกสารจริงเหรอหนังสือแต่งตั้งที่ปรึกษา วันนี้ทรายก็โชว์เลย บางคนบอกว่าเอาตำแหน่งที่ปรึกษามาแอบอ้าง อยากทำอะไรก็ทำ แต่วันนี้มีเอกสารที่ชัดเจน มีการลงวันที่ชัดเจน กลายเป็นประเด็นร้อนที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทรายโพสต์ท้าอธิบดีมาคุยตัวต่อตัวบนรายการถ่ายทอดสด เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงโพสต์แบบนั้นออกมา ?

         "ผมไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ชอบที่ไม่ว่ามาจากฝ่ายไหน เหมือนอธิบดีเอง หรือเจ้าหน้าที่บางคน ผมไม่ชอบที่คุณออกมาทำข่าวแบบนี้ แล้วชวนให้คนทะเลาะกัน นี่ไม่ใช่วิธีของคนไทยที่เหมาะสม เราเป็นคนมีน้ำใจ เราเป็นสังคมที่มีศักดิ์ศรี การดึงเรื่องราวอนุรักษ์มาทะเลาะกัน มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับนักอนุรักษ์คนอื่น ๆ และเยาวชนด้วย คุณคิดแบบเด็กรุ่นใหม่ ที่มานั่งเห็นนักอนุรักษ์แบบผม ทำงานให้ฟรีกับองค์กร แต่องค์กรให้ข่าวว่าคุณละเมิดหน้าที่ด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการทำสิ่งที่ไม่ถูก มันไม่ใช่สิ่งที่น่าดู สังคมสมควรมีอะไรที่มีประสิทธิภาพ และมีคุณค่ามากกว่านี้"

         เกี่ยวกับวิธีการทำงานและความคิด กับการที่เราอายุน้อย เป็นวิธีการคิด และจัดการ การปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ?

         "ลองไปเที่ยวดูตอนนี้ ภูเก็ต กระบี่ ลองเปิดตาดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ดูฝรั่งที่เหยียดคนไทย ฝรั่งขโมยกิจการไทย ทำธุรกิจแทนคนไทย มันไม่ใช่แค่เรื่องทะเล แต่เป็นเรื่องที่เราอำนวย เราบอกโอเค กฎมีแบบนี้ อำนวยนิดหน่อยก็ได้ ไม่ มันทำให้สังคมเราเป็นอย่างตอนนี้ ทุกอย่างมันเละเทะ เรามีระเบียบที่ไหนครับ การที่เราไม่มีระเบียบทำให้ทุกอย่างไม่มั่นคง สำหรับผมถ้ากฎบอกว่าไม่ก็คือไม่ กฎบอกว่าห้ามขับรถผ่านไฟแดง คุณทำแล้วมาอ้างว่ายากลำบาก เมียผมจะตาย ไม่ได้ มีชีวิตคนอื่นที่ต้องพึ่งพาตรงนี้เหมือนกัน ไม่คือไม่ แล้วผมรู้สึกว่าบางทีคนไทยด้วยความเกรงใจ โนอาจจะมีเมย์บี หรือเยส"

          ท่านอธิบดีได้ติดต่อมาคุยไหม ?

         "ไม่ครับ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราพูดมันชัดเจนแล้ว ผมไม่ได้มีปัญหากับกรม ผมรักกรมอุทยานผมแค่รู้สึกว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่าผมรู้สึกยังไง และผมได้บอกหลายครั้งแล้วว่าผมออกครับ"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         อยู่ไปแล้วก็อึดอัด ไม่สบายใจ ชาวบ้าน คนอยู่บนเรือ ทางกรมด้วยเหมือนกัน กลายเป็นว่ามองเราแปลก ๆ ?

         "ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรไปตั้งแต่แรก ผมรู้ว่าถ้าผมมาทำอะไรแบบนี้ เขาจะมองผมเป็นหน้าของสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ผมยอมเป็นหน้าที่เขาไม่ชอบแทนอุทยาน แทนเจ้าหน้าที่ เพราะถ้าเจ้าหน้าที่อุทยาน ลุกขึ้นมาทำแบบผม เขาก็จะโดนฆ่าเพราะเขาเป็นคนอาจไม่ได้มีฐานะ อำนาจ หรือโอกาส แต่ถ้าเกิดผมมีสิ่งพวกนี้ด้วยสวรรค์ที่จัดสรรมา ผมก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อสังคมครับ"

         ล่าสุดอธิบดีให้สัมภาษณ์ว่าทรายไม่ให้เกียรติตัวเขา ตอนแรกทรายทำได้ดีมาก มีความตั้งใจมาก ๆ ในการอนุรักษ์ทะเล สื่อสารได้ดี เชื่อมกลุ่มวัยรุ่นได้ แต่หลัง ๆ ทำคอนเทนต์เยอะไป และกระทบหลาย ๆ คน ทำให้คนอื่นเสียหาย บางเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง ? 

         "ผมต้องขอโทษอธิบดีนะครับถ้าอธิบดีรู้สึกไม่สบายใจ ตามที่ผมเขียน ผมลาออกเพราะไม่อยากให้เขาอึดอัด เขาเป็นคนให้โอกาสผมตอนแรกจริง ๆ ผมไม่ได้มองว่าสิ่งที่ผมทำช่วงหลัง ๆ เป็นการทำคอนเทนต์ แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมต้องสะท้อน เป็นเรื่องจริง และผมรู้สึกว่าผมรับผิดชอบต่อคนไทยต่อสังคมไทยที่เขาต้องรู้เรื่องนี้ ยังไงเหนือทุกอย่างผมกตัญญูกับทะเล กับประเทศ ผมต้องการทำอะไรก็ได้ให้เขาเห็นในความจริง เขาอาจมองว่ากระทบเขา แต่ผมไม่ได้มองแค่เขา ผมมองถึงทะเลและความจริงที่เกิดขึ้น"

         เส้นบาง ๆ ระหว่างคนจะเจน สื่อสารคนละแบบหรือเปล่า ?

         "ผมแค่มองว่าตอนนี้ปะการังตายไป 80 เปอร์เซ็นต์ แค่นั้นครับ" 

         ถ้ามีโอกาสได้เคลียร์ได้เจอหน้าจัง ๆ อยากพูดอะไรกับท่าน ?

         "อยากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน เรากำลังเจอปัญหามหาศาลเรื่องภาวะโลกร้อน โอเคปะการังตายไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ เราไม่มีเวลามานั่งทะเลาะกันแบบนี้ สิ่งที่ผมทำไม่ใช่การทะเลาะเหมือนกัน ผมย้ำทุกสัมภาษณ์ทุกสิ่งที่ทำ ผมพูดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หน้างานตอนนี้คือปะการังตาย มันไม่ใช่เรื่องดราม่า ควรเอาเรื่องจริงมาพูดและแก้ไข ตอนนี้ภาวะโลกร้อนกำลังมาแล้ว ทุกภาคส่วน อธิบดี คนในสังคม ผู้ประกอบการทุกคน สามารถทำด้วยกันได้ แยกอีโก้ของตัวเองออกให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงเราต้องช่วยกันหมดครับ"

ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย
ภาพจาก คุยแซ่บShow

         แยกอีโก้ออกจากกันให้ได้ ทรายคิดว่าตัวทรายมีอีโก้ไหม ?

         "ทรายไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ทรายไม่ได้อะไรเลยจากการทำสิ่งนี้ครับ สิ่งที่ทำเพราะปะการังตายไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ลงไปดูได้เลย สิ่งที่ผมพูด ถามทุกคนที่ไปเที่ยวไทย ผมท้าให้สังคมไทยลงไปเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันตอนนี้เลยครับ ว่ามันเป็นยังไง แล้วมาบอกผมด้วย ถ่ายภาพมาให้ผมดูว่าปะการังเป็นยังไง"

         ทั้งนี้ สามารถติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15 - 14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทราย สก๊อต เปิดใจฟางเส้นสุดท้าย คืนตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ลั่นทำตามกรอบอุทยาน 100% อัปเดตล่าสุด 23 เมษายน 2568 เวลา 17:11:11 6,222 อ่าน
TOP
x close