รู้จัก “วิทัย รัตนากร” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกการเงินดิจิทัล
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การแต่งตั้ง วิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทนที่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ที่กำลังจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งลงในสิ้นเดือนกันยายน 2568 ซึ่งจะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม นี้ ส่งผลให้ชื่อของ วิทัย เป็นที่จับตามอง ท่ามกลางความคาดหวังต่อทิศทางนโยบายการเงินในช่วงเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่าน
วันนี้เรามาทำความรู้จัก วิทัย รัตนากร ว่าเขาคนนี้เป็นใครมาจากไหน และที่ผ่านมาเคยมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก GSB Society
ประวัติ วิทัย รัตนากร
- วิทัย รัตนากร เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปัจจุบันอายุ 54 ปี
- วิทัย รัตนากร เป็นบุตรชายของ โสภณ รัตนากร อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม) และ ศิริลักษณ์ รัตนากร อดีตกรรมการผู้จัดการหญิงคนแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- วิทัย รัตนากร สมรสกับ วิจิตรา รัตนากร อดีตรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย
ประวัติการศึกษา วิทัย รัตนากร
- จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มีปริญญาโทถึง 3 ใบ ได้แก่ ด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง และกฎหมายธุรกิจ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งด้านการเงินจาก Drexel University ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก GSB Society
ประวัติการทำงาน วิทัย รัตนากร
- รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ปี 2553)
- ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สายการบินนกแอร์ (2554-2557)
- รองผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ธนาคารออมสิน (2558-2561)
- รักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (2560-2561)
- เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (2561-2563)
- ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (2563 - ปัจจุบัน)
วิสัยทัศน์ของ วิทัย รัตนากร
ในฐานะผู้อำนวยการธนาคารออมสิน วิทัย รัตนากร สนับสนุนให้มีการร่วมมือระหว่างนโยบายการเงินและการคลังเพื่อช่วยลดหนี้ครัวเรือน ส่งเสริมเอสเอ็มอี และลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก GSB Society
เรียกได้ว่า วิทัย รัตนากร คือผู้บริหารที่ผสานความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน และกฎหมายได้อย่างลงตัว มีประสบการณ์ทั้งภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐชั้นนำ รวมถึงวิสัยทัศน์มิติสังคม ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นจุดแข็งที่จะนำมาช่วยคุมทิศทางนโยบายการเงินไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าได้อย่างดี