นักธุรกิจเครียด คนจีนเช่าพูลวิลล่า ไปเปิดห้องพักผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อน บอกเลิกสัญญา-ถูกจับก็แล้ว ยังไม่ยอมออก ซ้ำจะเรียกเงินหลักล้าน !

ภาพจาก โหนกระแส
วานนี้ (22 กรกฎาคม 2568) โหนกระแส รายงานกรณีได้รับการร้องเรียนจากนักธุรกิจหญิง อายุ 40 ปี ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนหลังซื้อบ้านพูลวิลล่า ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยมีสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิมติดมาด้วย
แต่ภายหลังกลับพบว่าผู้เช่าชาวจีน นำบ้านไปเปิดบริการแบบรายวันผ่านแอปฯ แบบไม่มีการขออนุญาตตามกฎหมาย และพบว่ามีการละเมิดสัญญาเช่า โดยนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้าน และสูบบุหรี่ ละเมิดสัญญามาแล้ว 2 ครั้ง ตนจึงให้ทนายความบอกเลิกสัญญา แต่จนถึงวันนี้ผู้เช่ายังไม่ยอมออกจากบ้าน
นักธุรกิจหญิง เผยว่า ตอนซื้อบ้านจากเจ้าของเดิมตนทราบอยู่แล้วว่ามีสัญญาเช่าติดพ่วงมาด้วย เป็นสัญญาเช่า 36 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 - 31 ตุลาคม 2570 ค่าเช่าเดือนละ 120,000 บาท ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ภายหลังกลับทราบว่าผู้เช่านำบ้านไปเปิดให้เช่ารายวัน ตนเกรงว่าจะมีผลกระทบทางกฎหมาย ในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่จึงขอดูใบอนุญาตประกอบธุรกิจ แต่กลับไม่มีมาแสดงให้ดู และตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ทราบว่าผู้เช่าไม่มีใบอนุญาตประกอบธุริจ
ที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าต่างชาติมาพักเป็นประจำ อีกทั้งเพื่อนบ้านย่านใกล้เคียงยังแจ้งว่า หลายครั้งชาวต่างชาติมาพักกันเป็นกลุ่มใหญ่ 10 - 20 คน มีรถตู้และรถโดยสารเข้ามาส่งประจำ จนกีดขวางการจราจร อีกทั้งช่วงกลางคืนก็จัดปาร์ตี้เสียงดังรบกวนชาวบ้าน โดยชาวจีนที่เป็นผู้เช่า ไม่ได้ควบคุมผู้มาพักอาศัยใด ๆ
ส่วนตัวตนได้เจรจาและให้ทนายความทำหนังสือบอกเลิกสัญญา และขอให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปแล้วหลายครั้ง แต่ผ่านมา 5 เดือน ก็ยังไม่ยอมออก ยังคงมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องเสียงดังยามวิกาล เพราะชาวบ้านเข้าใจว่าเจ้าของบ้านเป็นคนทำธุรกิจเอง จนตนเองได้รับความเดือดร้อน ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
เดิมตนซื้อบ้านมาก็คิดว่าจะปล่อยเช่าไปจนครบสัญญา แต่เมื่อมีการทำผิดสัญญาจึงบอกเลิก และตั้งใจจะย้ายไปอยู่เอง จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ เพราะคู่กรณีไม่ยอมออก แถมเรียกร้องค่าชดเชยมาหลักล้านบาท แต่ตนไม่อยากตกลงด้วย เพราะมองว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และตนก็ได้รับความเดือดร้อน
ทั้งนี้ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในลักษณะเช่นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก และเกรงว่าจะเป็นช่องทางในการหาเงินแบบผิดกฎหมายด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส






