เปิดมุมมองใหม่ ไฮโดรเจน พลังงานสะอาดที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คิด !

          หลายคนคงเคยรู้จักเทคโนโลยีไฮโดรเจนกันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่รู้ว่าพลังงานสะอาดชนิดนี้นำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมอะไรได้บ้าง เพื่อขับเคลื่อนโลกของเราไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่โลกกำลังต้องการ
ไฮโดรเจน

          ปัจจุบัน เทคโนโลยีไฮโดรเจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการพลังงานสะอาด เพราะไม่เพียงแค่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้งานได้สารพัดประโยชน์มากกว่าที่เคยรู้กันมา ซึ่งหากใครคิดว่าเทคโนโลยีไฮโดรเจนใช้ได้แค่เฉพาะในวงการรถยนต์ ลองมาเจาะลึกเส้นทางการประยุกต์ใช้ไฮโดรเจน สู่อุตสาหกรรมปลอดคาร์บอนไปพร้อมกันเลย

ไฮโดรเจน…พลังงานสะอาด
ที่รันวงการอุตสาหกรรมไปไกลกว่าที่คิด !

ไฮโดรเจน

          ทุกวันนี้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนยังมีต้นทุนที่สูงกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำไฮโดรเจนมาใช้ในช่วงแรกจึงมุ่งเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ยาก หรือไม่มีทางเลือกอื่นที่สามารถทดแทนได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งเรียกกันว่า ภาคอุตสาหกรรม Hard-to-abate sectors เพราะมีปัจจัยสำคัญ 2 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
 

  • เป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้พลังงานความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก : บางกระบวนการผลิตต้องใช้ความร้อนอุณหภูมิสูงจัด ซึ่งพลังงานไฟฟ้าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีเท่า
     
  • กระบวนการผลิตปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรง : เป็นก๊าซคาร์บอนที่ได้จากการผลิต ไม่ใช่แค่จากการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต

          อย่างไรก็ตาม ไฮโดรเจนส่วนใหญ่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจำนวนมากได้เช่นกัน แต่หากเปลี่ยนมาใช้ไฮโดรเจนสีเขียว ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันจึงมีการนำไฮโดรเจนสีเขียวมาใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมหลายประเภทเพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น
 

  • อุตสาหกรรมการผลิตแอมโมเนีย : แอมโมเนีย (NH3) เป็นสารตั้งต้นสำคัญในอุตสาหกรรม เช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมีต่าง ๆ และยังสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับเรือขนส่ง ไฮโดรเจนมีบทบาทหลักในการผลิตแอมโมเนียผ่านกระบวนการ Haber-Bosch ซึ่งเป็นการรวมตัวของไฮโดรเจนและไนโตรเจนภายใต้ความดันและอุณหภูมิสูง หากเราใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในกระบวนการนี้ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตแอมโมเนียลงได้
     
  • การผลิตเมทานอล : เมทานอล (CH3OH) เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้ในเชื้อเพลิง พลาสติก และเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ โดยสามารถผลิตได้จากไฮโดรเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งได้จากเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน หรือ CCUS (Carbon Capture, Utilization and Storage)
     

          การใช้ไฮโดรเจนไม่ได้หยุดอยู่แค่อุตสาหกรรมข้างต้นเท่านั้น แต่ยังรันวงการอื่น ๆ ไปได้อีกยาว ลองตามมาดูกัน

ภาคขนส่งก็ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีไฮโดรเจน
แรงดีไม่มีแผ่ว !

ไฮโดรเจน

          มาต่อกันด้วยการใช้ไฮโดรเจนในภาคขนส่ง ซึ่งได้เปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดมาสักระยะใหญ่ โดยที่เห็นได้ชัด ๆ เลยก็จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีอยู่ 2 แบบในปัจจุบัน คือ
 

  • รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV) ซึ่งใช้ไฮโดรเจนผลิตไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์ โดยไม่ปล่อยมลพิษออกจากท่อไอเสีย มีเพียงแต่ไอน้ำเท่านั้น
     
  • รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บในแบตเตอรี่โดยตรงเป็นแรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์

          ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่า เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ อย่างสถานีชาร์จที่สะดวกและครอบคลุม โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีระยะการเดินทางใกล้ถึงปานกลาง

          อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองประเภทก็อยู่ในช่วงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) มีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลต่อการเติมไฮโดรเจนหนึ่งครั้ง และใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงรวดเร็วใกล้เคียงกับการเติมน้ำมัน ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่ต้องใช้เวลาชาร์จนาน และวิ่งได้ในระยะทางจำกัด

          นอกจากนี้ รถยนต์ FCEV ยังใช้ถังเก็บไฮโดรเจนแทนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ จึงสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า BEV และเมื่อระยะทางขนส่งไกลขึ้น บวกกับน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น รถ FCEV จะยิ่งแสดงศักยภาพเหนือกว่า BEV ได้ชัดเจน จึงเหมาะสำหรับงานขนส่งสินค้าในระยะไกลอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

          ในอนาคต การขนส่งด้วย FCEV มีแนวโน้มจะมีต้นทุนต่ำกว่า BEV ซึ่งจะผลักดันให้ไฮโดรเจนกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยให้การเดินทางสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง และโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีเติมไฮโดรเจน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในระยะยาว

เทคโนโลยีไฮโดรเจน
ตัวช่วยในการกักเก็บพลังงานสะอาด

ไฮโดรเจน

          ที่ผ่านมา เราใช้เทคโนโลยี ESS (Energy Storage System) เป็นระบบกักเก็บพลังงานที่ผลิตได้จากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม และน้ำ เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงเวลาที่แหล่งผลิตพลังงานไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามความต้องการ โดยระบบนี้กักเก็บพลังงานส่วนเกินที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการผลิตมากกว่าความต้องการใช้ และจัดเก็บในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้าเคมี พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานเชิงกล ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เลือกใช้ เมื่อเกิดภาวะพลังงานขาดแคลน หรือเมื่อความต้องการใช้พลังงานสูง ระบบจะทำการแปลงพลังงานที่สะสมกลับมาใช้งานในรูปแบบของ พลังงานไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการส่งผ่านและใช้งานต่อในระบบไฟฟ้า
          โดยหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับความสนใจสำหรับการกักเก็บพลังงานสะอาด ได้แก่ การใช้แบตเตอรี่ และเทคโนโลยีไฮโดรเจน ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีมีหลักการทำงานและข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน โดยจะเปรียบเทียบพอสังเขป ดังนี้
  ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่
(Battery Energy Storage System: BESS)
ระบบกักเก็บพลังงานไฮโดรเจน
(Hydrogen Energy Storage System: HESS)
หลักการทำงาน เก็บพลังงานไฟฟ้าโดยตรงในรูปพลังงานไฟฟ้าเคมีในแบตเตอรี่ เปลี่ยนไฟฟ้าเป็นไฮโดรเจนด้วยการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) และแปลงกลับเป็นไฟฟ้า
ผ่านเซลล์เชื้อเพลิง
รูปแบบพลังงาน พลังงานไฟฟ้าเคมีในเซลล์แบตเตอรี่ ก๊าซไฮโดรเจน
องค์ประกอบหลัก แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ระบบควบคุม อิเล็กโทรไลเซอร์ ถังเก็บไฮโดรเจน เซลล์เชื้อเพลิง
เวลาตอบสนอง เร็วมาก (ระดับมิลลิวินาที) สำหรับการรองรับ Grid แบบทันที ช้ากว่า (ระดับวินาที/นาที)
ประสิทธิภาพพลังงานขาเข้า-ขาออก สูง (85-95%) ต่ำกว่า (30-45%)
การคายประจุ/สูญเสีย ค่อย ๆ คายประจุ (Self-Discharge) หากเก็บไว้เป็นเวลานาน ไม่มีการสูญเสียพลังงานระหว่างเก็บ
ระยะเวลากักเก็บ สั้น โดยทั่วไปใช้เวลาไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง ปานกลาง-ยาว ระดับหลายวันถึงเดือน
การใช้งาน

ควบคุม Grid ระบบสำรองไฟฟ้า
ขนาดเล็ก และเหมาะกับการใช้งานในระยะเวลาสั้น

เหมาะสำหรับระบบสำรองไฟฟ้าขนาดใหญ่
มากกว่า 5 MWh และระบบสำรองไฟแบบระยะยาว 
หรือพื้นที่ห่างไกลจากระบบ Grid

          หรือหากเห็นภาพไม่ชัด ลองมาดูว่าแต่ละเทคนิคเหมาะกับการใช้งานแบบไหน

  • ระบบแบตเตอรี่ (BESS) เหมาะสำหรับ :

          ○ เก็บพลังงานระยะสั้นถึงปานกลาง เช่น โซลาร์เซลล์ในบ้าน หรือระบบสำรองไฟสั้น ๆ

  • ระบบไฮโดรเจน (HESS) เหมาะสำหรับ :

          ○ เก็บพลังงานระยะยาว หรือ ตามฤดูกาล (หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน) เพราะไม่มีการสูญเสียพลังงานระหว่างเก็บนาน ๆ
          ○ ระบบสำรองไฟที่ต้องการ ความต่อเนื่องยาวนาน เช่น ศูนย์ข้อมูล โรงพยาบาล หรือพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการสำรองไฟหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์
          ○ พื้นที่ที่ไม่มีระบบไฟฟ้าหลัก (Off-grid) โดยเฉพาะที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เพราะคุ้มค่ากว่าแบตเตอรี่ในระยะยาว

          อย่างไรก็ตาม แนวทางกักเก็บพลังงานที่ยั่งยืนที่สุดคือการผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองแบบ โดยใช้แบตเตอรี่สำหรับความต้องการระยะสั้น-กลาง และใช้ไฮโดรเจนเพื่อเพิ่มเสถียรภาพระบบในระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ Off-grid

เทคโนโลยีไฮโดรเจน ปลอดภัยจริงไหม ?

ไฮโดรเจน

          หลายคนอาจยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของไฮโดรเจน ว่าอันตรายหรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่า เทคโนโลยีไฮโดรเจน ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง จากเหตุผลต่อไปนี้

  • ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีน้ำหนักเบา : โดยเบากว่าก๊าซธรรมชาติถึง 8 เท่า ซึ่งหากเกิดการรั่วไหล จะลอยขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว ไม่สะสมอยู่ในพื้นที่ต่ำ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการสะสมของก๊าซในพื้นที่ปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มาตรฐานความปลอดภัยสูง : เทคโนโลยีรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยเทียบเท่ากับ NGV หรือ LPG ทั้งการจัดเก็บ ขนส่ง และควบคุมการรั่วไหล
  • มีความปลอดภัยในการใช้ไฮโดรเจนในภาคขนส่ง : รถยนต์ไฮโดรเจนมีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด, มีถังเก็บไฮโดรเจนที่ทนทานและได้มาตรฐาน (ทนความดันได้ มากกว่า 800 บาร์), มีระบบตรวจจับการรั่วไหลแบบพิเศษ และมีระบบการจัดเก็บและขนส่งที่ปลอดภัย
          เทคโนโลยีไฮโดรเจนมีบทบาทได้ในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งก็พูดได้ว่าการประยุกต์ใช้ไฮโดรเจนไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป และในอนาคตก็เชื่อว่า เทคโนโลยีไฮโดรเจนจะช่วยลดการปล่อยมลพิษและฟื้นฟูวิกฤตสิ่งแวดล้อมให้เราได้อย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Energy Strategy Reviews 53 (2024) 101380, Volvo FE Electric, Hyndai Xcient Fuel Cell, EnergyStorageSystems-AComprehensiveGuide.pdf, iScience, Volume 27, Issue 2, 108988, Electronics 2021, 10, 2134, Joule, Volume 3, Issue 1, 81 - 100, sciencedirect.com, h2stations.org
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดมุมมองใหม่ ไฮโดรเจน พลังงานสะอาดที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คิด ! อัปเดตล่าสุด 26 กันยายน 2568 เวลา 09:28:01 1,469 อ่าน
TOP