น้ำมันไทย มาจากที่ไหนบ้าง
ยังมีความเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากมีน้ำมันเหลือใช้มากมาย แต่ในความจริงแล้ว ประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบได้แค่ประมาณ 10% ของความต้องการใช้ภายในประเทศเท่านั้น และบางส่วนมีสารปนเปื้อนสูงเกินกว่าที่โรงกลั่นในประเทศจะรับได้จึงจำเป็นต้องส่งออก ดังนั้นน้ำมันดิบส่วนที่ขาดจึงต้องมีการนำเข้าอีกกว่า 90% โดยประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางประมาณ 57% ตะวันออกไกล 19% และแหล่งอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ลิเบีย ออสเตรเลีย อีกรวม 24%
ไม่ว่าจะผลิตน้ำมันใช้เองในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ล้วนมีปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการนำเข้า นโยบายของภาครัฐ ฯลฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน
โครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกของไทย มีอะไรบ้าง
1. ต้นทุนเนื้อน้ำมัน
ต้นทุนเนื้อน้ำมัน หรือราคาหน้าโรงกลั่น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-70% ของราคาน้ำมัน ส่วนนี้อ้างอิงตามราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อ - ขาย น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชีย โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์นี้ไม่ใช่ราคาที่ประกาศโดยประเทศสิงคโปร์ หรือ โรงกลั่นสิงคโปร์ แต่เป็นราคาที่ผู้ค้าจากทั่วทุกมุมของเอเชียเข้ามาตกลงซื้อ - ขาย ผ่านตลาดกลางแห่งนี้
2. ภาษีและกองทุน
ภาษีและกองทุน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25-30% ของราคาน้ำมัน โดยมีภาครัฐเป็นผู้กำหนดและบริหาร อัตราการจัดเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ แบ่งออกเป็นภาษี 3 ส่วน และกองทุน 2 ส่วน ดังนี้
● ภาษี
○ ภาษีสรรพสามิต : จัดเก็บโดยกรมสรรพสามิต จากสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง
○ ภาษีเทศบาล : จัดเก็บในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต เพื่อจ่ายให้หน่วยงานท้องถิ่น
○ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : จัดเก็บโดยกรมสรรพากร เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการบริโภค เมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงมีการจำหน่ายภายในประเทศ
● กองทุน
○ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง : จัดเก็บเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤตเชื้อเพลิง
○ กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน : จัดเก็บเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการสนับสนุน หรืออุดหนุนโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน
3. ค่าการตลาด
ราคาน้ำมันไทยอยู่ตรงไหน เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
น้ำมันเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ข้อตกลงระหว่างประเทศผู้ค้าน้ำมัน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความสนใจต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเทศกาล นโยบายภาครัฐ ปริมาณการผลิตและการใช้น้ำมัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน และอีกหลายประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของโลกพบว่า ราคาน้ำมันในประเทศไทย อยู่ในระดับกลาง ๆ คือ ไม่ได้เป็นประเทศที่มีราคาน้ำมันแพงที่สุด และไม่ใช่ประเทศที่ราคาน้ำมันถูกที่สุด
สาเหตุที่ภาครัฐไม่ควรอุดหนุนราคาน้ำมันขายปลีกเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นนโยบายที่ไม่ยั่งยืน และก่อให้เกิดภาระต่อประเทศในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ประเทศมาเลเซีย เคยใช้นโยบายอุดหนุนราคาน้ำมัน ช่วยให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูก แต่ปัจจุบันไม่สามารถใช้นโยบายนี้ต่อได้ จึงปรับเปลี่ยน เป็นการช่วยเหลือหรืออุดหนุนเฉพาะกลุ่มแทน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ทำไมราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง
แต่ราคาขายปลีกน้ำมันไทยไม่ลงตามในทันที ?






