ฉกลูกปัด สุริยเทพ อายุ 2 พันปี กลางสยามมิวเซียม (ข่าวสด)
ฉกปริศนาลูกปัดโบราณล้ำค่าชื่อ "สุริยเทพ" อายุกว่า 2 พันปี กลางวันแสกๆ ระหว่างจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือสยามมิวเซียม จัดวางในตู้โชว์ติดตั้งกระจกเลนส์ขยายเพื่อให้ดูเห็นชัดขึ้น เนื่องจากลูกปัดมีขนาดเล็กเพียงแค่ 1 ซ.ม. แต่บริเวณกระจกเลนส์ที่ถอดได้ถูกเลื่อนออกฉกลูกปัดหายไป รปภ.เดินตรวจมาเห็นเข้าแทบช็อกรีบแจ้งหัวหน้ามาดู ตามหากันวุ่นทั้งวันจนอ่อนใจ ต้องเข้าแจ้งความกับตร.มาช่วยติดตาม เผยเป็นลูกปัดโบราณสร้างขึ้นสมัยต้นพุทธศตวรรษ พบเพียงแห่งเดียวในโลกที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พิพิธภัณฑ์ฯขอยืมมาจาก "หมอบัญชา พงษ์พานิช" ผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมลูกปัดโบราณชื่อดัง
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 5 มี.ค. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายนต์ ผกก.สน.พระราชวัง รับแจ้งเหตุจาก นายรณฤทธิ์ ธนโกเศศ หัวหน้าฝ่ายพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ "สยามมิวเซียม" ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ว่าลูกปัดสุริยเทพ ที่ตั้งแสดงโชว์ภายในอาคารนิทรรศการหมุนเวียน ถูกขโมยหายไป หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารหมุน เวียนชั้นเดียว
ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพวกลูกปัดต่างๆ ที่ค้นพบในประเทศไทย จุดเกิดเหตุสร้างเป็นตู้ขนาดใหญ่แบ่งเป็นช่องๆ ปิดทึบแต่เจาะรูขนาดใหญ่เพื่อฝังเลนส์ขยายเพื่อให้มองเห็นลูกปัดที่มีขนาดเล็กได้ชัดขึ้น โดยด้านในเป็นที่วางแสดงลูกปัดชื่อ "สุริยเทพ" ขนาดความกว้าง 1 เซนติเมตร ตรงกลางเป็นรูปหน้าสุริยเทพรายล้อมรัศมีเป็นสีเขียวสลับแดง ซึ่งเลนส์ดังกล่าวถูกขยับออกและลูกปัดภายในสูญหายไป
นายรณฤทธิ์ กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์และกิจกรรมสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาตินั้น ขึ้นกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เปิดแสดงโชว์พวกลูกปัด ประชาชนเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2551 ถึงวันที่ 28 มิ.ย.2552 เวลา 10.00-18.00 น. โดยจะรวบรวมลูกปัดที่ค้นพบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นของหายากมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาเปิดจัดแสดงให้กับประชาชนเข้าชม โดยมีลูกปัดบางส่วนเป็นลูกปัดที่ขอยืมมาจากเจ้าของ และลูกปัดสุริยเทพที่หายไปนั้นได้ขอยืมมาจากนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมลูกปัดโบราณชื่อดังของเมืองไทย
"สำหรับลูกปัดสุริยเทพที่สูญหายไปมีอายุประมาณ 2,000 ปี ค้นพบที่อำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ ขอยืมมาจัดแสดงโชว์ โดยใส่ไว้ในตู้ เจาะช่องมองด้านหน้าเพื่อติดตั้งเลนส์ขยายส่องมองจะได้เห็นลูกปัดอย่างชัดเจน เนื่องจากลูกปัดมีขนาดเล็กมาก ก่อนจะทราบว่าลูกปัดหายไปวันนี้ก็เปิดให้ประชาชนเข้าชมตามปกติ กระทั่ง ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงเศษ เจ้าหน้าที่รปภ.แจ้งว่าเลนส์บริเวณตู้โชว์ลูกปัดขยับเปิดออกพอมองเข้าไปก็พบว่า ลูกปัดหายไปแล้ว" นายรณฤทธิ์ กล่าว
ตำรวจตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุพบว่าติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ แต่จับภาพในมุมกว้าง จากการตรวจดูวิดีโอที่บันทึกภาพพบชายต้องสงสัยอายุประมาณ 40 ปี เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในจุดตู้แสดงโชว์ แต่ภาพดังกล่าวไม่ชัดเจนเนื่องจากอยู่ในระยะไกล จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าตู้โชว์ดังกล่าวติดกระจกเลนส์ขยายที่สามารถเลื่อนเปิดออกได้ ส่วนวิธีการของคนร้ายน่าจะขยับเลนส์ขยายออกซึ่งจะเป็นช่องขนาดใหญ่พอจะเอื้อมมือหรือสอดวัตถุเข้าไปหยิบลูกปัดออกมา
ส่วนการเข้าแจ้งความในตอนค่ำ ทั้งๆ ที่เกิดเหตุตั้งแต่บ่ายสามโมงเศษนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ออกตามหากันเองก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดเข้าใจผิด แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดก็ยังหาไม่เจอ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับลูกปัดสุริยเทพ ในวงการนักสะสมลูกปัดยกให้เป็นของหายากและเป็นที่นิยมลำดับ 1 ที่ผ่านมาพบเพียงที่เดียวคืออ.คลองท่อม จ.กระบี่ มีลักษณะแบน กลม มีรูปหน้าคนตาโตปากเม้มเป็นเส้นตรง ในวงเส้นประสีดำพร้อมเส้นรัศมีรอบ แต่เดิมเรียกกันว่า "ลูกปัดหน้าคน" ต่อมาเปลี่ยนชื่อว่าลูกปัด "หน้าอินเดียนแดง" และได้ชื่อใหม่ลูกปัด "สุริยเทพ" มาจนทุกวันนี้ โดยมีแต่คำอธิบายขยายความว่าเป็นหน้าคนในดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดแสง พร้อมกับเท้าความยาวไปถึงดินแดนโบราณอย่างมายา และ อินคา ในทวีปอเมริกา ที่นับถือเทพสุริยะหรือสุริยเทพเป็นเทพสำคัญ จนกระทั่งถึงอียิปต์โบราณที่นิยมบูชาเทพอาเท็น (Aten) หรือพระอาทิตย์ เช่นกัน
ลูกปัด "สุริยเทพ" ที่คลองท่อมนี้ ทำจากแก้วด้วยวิธีโมเสก คือเอาแก้วสีขาวและสีดำมาเรียงเป็นรูปใบหน้า ตา ปาก จุด และเส้นรัศมีแล้วหลอมด้วยความร้อนจนอ่อน จึงดึงยืดเป็นท่อนยาวที่มีรูปหน้าตัดเป็นใบหน้าคนยาวตลอดความยาวของท่อน ก่อนจะตัดเป็นแว่นๆ แล้วเจาะรูสำหรับร้อย แต่ละเม็ดจึงมีรูปหน้าคล้ายกันหากตัดจากท่อนแก้วเดียวกัน ส่วนสีแดงและเขียวที่เหมือนเคลือบอยู่อีกชั้นหนึ่งนั้น ยังไม่มีการศึกษารายงานว่าทำด้วยวิธีใด
ลูกปัดแก้วสุริยเทพนี้ถือเป็นผลผลิตจากเทคนิคขั้นสูง คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณช่วงต้นพุทธศตวรรษ สันนิษฐานกันทั่วไปว่าน่าจะผลิตในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ เนื่องจากมีชื่อเสียงในการทำแก้วโมเสก แต่ถึงขณะนี้ปริศนาใหญ่ในโลกนี้อยู่ที่ยังไม่เคยมีรายงานการพบลูกปัดสุริยเทพแบบนี้ที่ไหนอีกเลยนอกจากที่อ.คลองท่อม แห่งเดียวเท่านั้น มีจำนวนหลายสิบเม็ด จึงยังไม่สามารถศึกษาเทียบเคียงกับสิ่งใดนอกจากลูกปัดหน้าคนแบบอื่นซึ่งมีพบของสมัยโรมัน เมโสโปเตเมีย และอัฟกานิสถานโบราณ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ฉกปริศนาลูกปัดโบราณล้ำค่าชื่อ "สุริยเทพ" อายุกว่า 2 พันปี กลางวันแสกๆ ระหว่างจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือสยามมิวเซียม จัดวางในตู้โชว์ติดตั้งกระจกเลนส์ขยายเพื่อให้ดูเห็นชัดขึ้น เนื่องจากลูกปัดมีขนาดเล็กเพียงแค่ 1 ซ.ม. แต่บริเวณกระจกเลนส์ที่ถอดได้ถูกเลื่อนออกฉกลูกปัดหายไป รปภ.เดินตรวจมาเห็นเข้าแทบช็อกรีบแจ้งหัวหน้ามาดู ตามหากันวุ่นทั้งวันจนอ่อนใจ ต้องเข้าแจ้งความกับตร.มาช่วยติดตาม เผยเป็นลูกปัดโบราณสร้างขึ้นสมัยต้นพุทธศตวรรษ พบเพียงแห่งเดียวในโลกที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พิพิธภัณฑ์ฯขอยืมมาจาก "หมอบัญชา พงษ์พานิช" ผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมลูกปัดโบราณชื่อดัง
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 5 มี.ค. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายนต์ ผกก.สน.พระราชวัง รับแจ้งเหตุจาก นายรณฤทธิ์ ธนโกเศศ หัวหน้าฝ่ายพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ "สยามมิวเซียม" ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ว่าลูกปัดสุริยเทพ ที่ตั้งแสดงโชว์ภายในอาคารนิทรรศการหมุนเวียน ถูกขโมยหายไป หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารหมุน เวียนชั้นเดียว
ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพวกลูกปัดต่างๆ ที่ค้นพบในประเทศไทย จุดเกิดเหตุสร้างเป็นตู้ขนาดใหญ่แบ่งเป็นช่องๆ ปิดทึบแต่เจาะรูขนาดใหญ่เพื่อฝังเลนส์ขยายเพื่อให้มองเห็นลูกปัดที่มีขนาดเล็กได้ชัดขึ้น โดยด้านในเป็นที่วางแสดงลูกปัดชื่อ "สุริยเทพ" ขนาดความกว้าง 1 เซนติเมตร ตรงกลางเป็นรูปหน้าสุริยเทพรายล้อมรัศมีเป็นสีเขียวสลับแดง ซึ่งเลนส์ดังกล่าวถูกขยับออกและลูกปัดภายในสูญหายไป
นายรณฤทธิ์ กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์และกิจกรรมสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาตินั้น ขึ้นกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เปิดแสดงโชว์พวกลูกปัด ประชาชนเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2551 ถึงวันที่ 28 มิ.ย.2552 เวลา 10.00-18.00 น. โดยจะรวบรวมลูกปัดที่ค้นพบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นของหายากมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาเปิดจัดแสดงให้กับประชาชนเข้าชม โดยมีลูกปัดบางส่วนเป็นลูกปัดที่ขอยืมมาจากเจ้าของ และลูกปัดสุริยเทพที่หายไปนั้นได้ขอยืมมาจากนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมลูกปัดโบราณชื่อดังของเมืองไทย
"สำหรับลูกปัดสุริยเทพที่สูญหายไปมีอายุประมาณ 2,000 ปี ค้นพบที่อำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ ขอยืมมาจัดแสดงโชว์ โดยใส่ไว้ในตู้ เจาะช่องมองด้านหน้าเพื่อติดตั้งเลนส์ขยายส่องมองจะได้เห็นลูกปัดอย่างชัดเจน เนื่องจากลูกปัดมีขนาดเล็กมาก ก่อนจะทราบว่าลูกปัดหายไปวันนี้ก็เปิดให้ประชาชนเข้าชมตามปกติ กระทั่ง ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงเศษ เจ้าหน้าที่รปภ.แจ้งว่าเลนส์บริเวณตู้โชว์ลูกปัดขยับเปิดออกพอมองเข้าไปก็พบว่า ลูกปัดหายไปแล้ว" นายรณฤทธิ์ กล่าว
ตำรวจตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุพบว่าติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ แต่จับภาพในมุมกว้าง จากการตรวจดูวิดีโอที่บันทึกภาพพบชายต้องสงสัยอายุประมาณ 40 ปี เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในจุดตู้แสดงโชว์ แต่ภาพดังกล่าวไม่ชัดเจนเนื่องจากอยู่ในระยะไกล จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าตู้โชว์ดังกล่าวติดกระจกเลนส์ขยายที่สามารถเลื่อนเปิดออกได้ ส่วนวิธีการของคนร้ายน่าจะขยับเลนส์ขยายออกซึ่งจะเป็นช่องขนาดใหญ่พอจะเอื้อมมือหรือสอดวัตถุเข้าไปหยิบลูกปัดออกมา
ส่วนการเข้าแจ้งความในตอนค่ำ ทั้งๆ ที่เกิดเหตุตั้งแต่บ่ายสามโมงเศษนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ออกตามหากันเองก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดเข้าใจผิด แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดก็ยังหาไม่เจอ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับลูกปัดสุริยเทพ ในวงการนักสะสมลูกปัดยกให้เป็นของหายากและเป็นที่นิยมลำดับ 1 ที่ผ่านมาพบเพียงที่เดียวคืออ.คลองท่อม จ.กระบี่ มีลักษณะแบน กลม มีรูปหน้าคนตาโตปากเม้มเป็นเส้นตรง ในวงเส้นประสีดำพร้อมเส้นรัศมีรอบ แต่เดิมเรียกกันว่า "ลูกปัดหน้าคน" ต่อมาเปลี่ยนชื่อว่าลูกปัด "หน้าอินเดียนแดง" และได้ชื่อใหม่ลูกปัด "สุริยเทพ" มาจนทุกวันนี้ โดยมีแต่คำอธิบายขยายความว่าเป็นหน้าคนในดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดแสง พร้อมกับเท้าความยาวไปถึงดินแดนโบราณอย่างมายา และ อินคา ในทวีปอเมริกา ที่นับถือเทพสุริยะหรือสุริยเทพเป็นเทพสำคัญ จนกระทั่งถึงอียิปต์โบราณที่นิยมบูชาเทพอาเท็น (Aten) หรือพระอาทิตย์ เช่นกัน
ลูกปัด "สุริยเทพ" ที่คลองท่อมนี้ ทำจากแก้วด้วยวิธีโมเสก คือเอาแก้วสีขาวและสีดำมาเรียงเป็นรูปใบหน้า ตา ปาก จุด และเส้นรัศมีแล้วหลอมด้วยความร้อนจนอ่อน จึงดึงยืดเป็นท่อนยาวที่มีรูปหน้าตัดเป็นใบหน้าคนยาวตลอดความยาวของท่อน ก่อนจะตัดเป็นแว่นๆ แล้วเจาะรูสำหรับร้อย แต่ละเม็ดจึงมีรูปหน้าคล้ายกันหากตัดจากท่อนแก้วเดียวกัน ส่วนสีแดงและเขียวที่เหมือนเคลือบอยู่อีกชั้นหนึ่งนั้น ยังไม่มีการศึกษารายงานว่าทำด้วยวิธีใด
ลูกปัดแก้วสุริยเทพนี้ถือเป็นผลผลิตจากเทคนิคขั้นสูง คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณช่วงต้นพุทธศตวรรษ สันนิษฐานกันทั่วไปว่าน่าจะผลิตในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ เนื่องจากมีชื่อเสียงในการทำแก้วโมเสก แต่ถึงขณะนี้ปริศนาใหญ่ในโลกนี้อยู่ที่ยังไม่เคยมีรายงานการพบลูกปัดสุริยเทพแบบนี้ที่ไหนอีกเลยนอกจากที่อ.คลองท่อม แห่งเดียวเท่านั้น มีจำนวนหลายสิบเม็ด จึงยังไม่สามารถศึกษาเทียบเคียงกับสิ่งใดนอกจากลูกปัดหน้าคนแบบอื่นซึ่งมีพบของสมัยโรมัน เมโสโปเตเมีย และอัฟกานิสถานโบราณ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
