เด็กม.6 ร้อง "จงรัก" ถูกชุดสืบจ.ปราจีน ซ้อมยัดข้อหา (คมชัดลึก)
เด็ก ม.6 ร้องถูกตำรวจปราจีนฯ ซ้อมยัดข้อหากระชากสร้อย แฉใช้ถุงพลาสติกครอบหัว-รุมเตะต่อยจนยอมรับสารภาพ พอจับโจรตัวจริงได้จะฟ้องกลับเจอขู่ ด้าน "จงรัก" เชื่อเรื่องจริง ลั่นขอเวลาตรวจสอบก่อน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร นำนายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร บุตรชาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กรณีที่บุตรชายถูกตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ซ้อมให้รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายวิ่งราวสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท แต่ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้คือ นายสุวิทย์ เหลืองห่อ จึงต้องการฟ้องกลับ แต่ถูกตำรวจชุดจับกุมข่มขู่
นายฤทธิรงค์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ตำรวจเรียกให้ไปที่โรงพักเนื่องจากใบหน้าคล้ายคนที่วิ่งราวทรัพย์ จากนั้นผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงมาชี้ตนว่าเป็นคนร้าย แต่ตนปฏิเสธว่าไม่ใช่คนร้าย กระทั่งมีตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปราจีนบุรี นำตัวไปสอบปากคำ ระหว่างนั้นตำรวจนำถุงพลาสติกมาครอบศีรษะจนหายใจไม่ออก ทำอยู่หลายครั้งเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นคนร้าย จนทนไม่ไหวจึงบอกตำรวจว่าจะสารภาพและพาไปนำสร้อยทองซึ่งอยู่กับคนรู้จัก และเมื่อมาพบคนรู้จักได้ขอให้ช่วยเหลือโดยให้ติดต่อบิดาว่าตนถูกจับ
นายฤทธิรงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อตำรวจรู้ว่าตนหลอกก็ถูกพาตัวกลับ และเมื่ออยู่ในห้องสอบสวนก็ถูกตำรวจรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังอ้างว่านำปัสสาวะตนไปตรวจแล้วพบว่าเป็นสีม่วง จนกระทั่งมีชาวบ้านหลายคนมาที่โรงพัก ตำรวจจึงเลิกซ้อม ต่อมาบิดาได้มาประกันตัวออกไป และช่วงที่ออกมาจากโรงพักได้ไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลก็ไม่พบสารเสพติด และต่อมาในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี สามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้ และคนร้ายยอมรับสารภาพว่าเป็นคนวิ่งราวสร้อยทองดังกล่าว เมื่อทราบข่าวบิดาจึงมาที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ปราจีนบุรี ที่ทำร้ายร่างกายตน แต่กลับถูกข่มขู่
"ช่วงนั้นผมถูกตำรวจซ้อม ทั้งตบ เตะ ต่อย บอกให้ผมรับสารภาพ ผมบอกว่าไม่ได้ทำก็ถูกเตะอีก พอตำรวจจับโจรตัวจริงได้ ผมกับพ่อจะไปแจ้งความเอาเรื่องตำรวจชุดที่จับผมก็ถูกข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ ยังบอกว่าจะไม่ส่งฟ้อง แต่ผมต้องถอนแจ้งความ ผมกับพ่อกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนท่านจงรักให้ช่วยดูแลคดี และดำเนินการกับตำรวจที่ทำร้ายผม" นายฤทธิรงค์กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เรื่องนี้จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของคดีที่มีการจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ก็ไม่สามารถสั่งฟ้องนายฤทธิรงค์ได้ และต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องที่ตำรวจซ้อมนายฤทธิรงค์ หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบถามนายฤทธิรงค์ และบิดาแล้วเชื่อว่าน่าจะมีมูลความจริง เพราะชาวบ้านปกติคงไม่มีใครอยากมีเรื่องกับตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฤทธิรงค์ได้นำภาพถ่ายของตัวเองซึ่งมีบาดแผลจากการถูกตำรวจซ้อมจนได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย พร้อมกันนั้นยังได้ชูแผ่นป้ายที่เขียนข้อความในลักษณะร้องขอความช่วยเหลือยกขึ้นโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู
ขอขอบคุณ้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไอเอ็นเอ็น