บุกจับ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ อาวุธอื้อ อ้างหาข่าวส่ง อภิสิทธิ์

 

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด, ไทยรัฐ

          

         เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งว่า ที่จุดผ่อนปรนบ้านสบรวก บริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-สปป.ลาว-พม่า มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งท่าทางส่อพิรุธ จึงนำกำลังร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) 327 ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบชายฉกรรจ์รวม 8 คน หนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก. ตำรวจสันติบาล 2 ทั้งหมดมากับรถยนต์ 2 คัน เบื้องต้นทั้งหมดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง มาตรวจสอบคนข้ามไปเล่นการพนันที่บ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารกลับไม่มีมาแสดง เมื่อขอตรวจค้นภายในรถก็อ้างว่าทำกุญแจหาย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งไปยังช่างกุญแจให้มาเปิดประตูรถทั้ง 2 คัน และต้องตกตะลึงเมื่อเจออาวุธหลากหลายชนิดราวกับคลังแสงย่อย ๆ นอกจากนี้ ยังพบวิทยุโทรคมนาคมรับ-ส่ง จำนวน 3 เครื่อง จึงจับกุมตัวทั้ง 8 คนไว้สอบสวน ประกอบด้วย...

          1. พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 50 ปี

          2. นายสมควร ดวงดี อายุ 26 ปี

          3. นายนิรุตติ์ เรืองประทุม อายุ 33 ปี

          4. นายพรชัย แซ่จึง อายุ 36 ปี

          5. นายสุขสมบัติ กล่อมกูล อายุ 39 ปี

          6. นายคมกริช ทองแก้ว อายุ 24 ปี

          7. นายนันทพงศ์ แซ่จึง อายุ 38 ปี

          8. นายชุมพล คิดการดี อายุ 59 ปี พบหมายจับในข้อหาพยายามฆ่า ของศาลสมุทรปราการ อยู่ในรถอีกด้วย

          ต่อมาเจ้าหน้าที่นำเครื่องสำหรับการตรวจหาสารเสพติด มาสำรวจทุกซอกมุมของรถทั้ง 2 คัน ปรากฏว่า เครื่องชี้ว่ามีสารเสพติดปนเปื้อนอยู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นอย่างละเอียดกลับไม่พบยาเสพติดภายในรถ จากนั้นจึงนำตัวพร้อมของกลางไปยัง สภ.เชียงแสน แจ้งดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยเฉพาะ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ปฏิเสธจะรับฟังข้อกล่าวหาพร้อมทั้งขู่ฟ้องกลับ และระหว่างอยู่โรงพัก พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ทำทีเป็นโทรศัพท์กับบุคคลต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ และพูดในทำนองว่าถูกตำรวจจำกัดสิทธิ์

          ต่อมาทนายความของ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ เดินทางมาขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และนำหลักฐานเป็นใบครอบครองและพกพาอาวุธปืนทั้งหมดไปให้เจ้าหน้าที่ด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันจะดำเนินคดีตามเดิม เนื่องจากช่วงพบอาวุธไม่ได้มีการนำหลักฐานดังกล่าวไปแสดง รวมทั้งไม่อนุญาตให้ประกันตัว

          โดย พ.ต.อ. สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน กล่าวว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ และผู้ต้องหาทั้งหมดไม่น่าไว้วางใจ เข้าข่ายไปข่มขู่คนที่อยู่ตามชายแดน หรือคนที่ข้ามไปเล่นกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และอ้างว่าทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดและภาค 5 ถือว่าอุกอาจมาก เนื่องจากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลดังกล่าว ดังนั้น ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวทั้งในชั้นตำรวจและชั้นฝากขังที่ศาลเมื่อครบกำหนด 48 ชั่วโมงด้วย จากการตรวจสอบประวัติ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ พบว่าที่ผ่านมาจะพาพรรคพวกมาปิดล้อม รีดไถเงินจากผู้ที่เดินทางไปเล่นการพนันบ่อยครั้ง และมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นก็ขัดขืน

          ขณะที่ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่กระทำลงไปเป็นการทำงานภาคประชาชน โดยหลังจากรับราชการมายาวนานกว่า 20 ปี ก็หันมาทำงานการเมือง แม้ปัจจุบันจะไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดแล้ว แต่ก็ทำงานการเมืองภาคประชาชน ต่อมาได้รับแจ้งจากประชาชนว่าที่สามเหลี่ยมทองคำมีบ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 2 จุด เป็นของสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่ง และของที่ปรึกษารัฐมนตรี จนมีคนไทยข้ามไปเล่นการพนัน รวมทั้งมีการเข้า-ออกหลังเวลาปิดด่านพรมแดนคือ 18.00 น. และมีการใช้อำนาจอิทธิพล ตนและทีมงานไปตรวจสอบ โดยบันทึกภาพ เก็บข้อมูล ก็พบตามนั้นจริง ๆ รวมทั้งพบเจ้าหน้าที่รัฐอยู่บริเวณนั้นด้วย
         
          "จากนั้นมีแผนจะนำไปแจ้งต่อ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ผู้บังคับบัญชาที่อยู่สูงขึ้นกว่า สภ.เชียงแสน รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ได้รับทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป หลังจากเสร็จภารกิจส่วนหนึ่งก็ไปแจ้งต่อ สภ.เชียงแสน ปรากฏว่าถูกดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าอาวุธปืนทั้งหมดเป็นของตน สาเหตุที่เก็บเอาไว้เพราะเคยถูกปองร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะปลายปี 2549 เคยถูกยิงถล่มกลางเมืองจนลูกน้องคนหนึ่งเสียชีวิต" พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ กล่าว

          อย่างไรก็ตาม สำหรับ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ เคยเป็นอดีตนายตำรวจชื่อดัง มีประวัติโลดโผนอย่างมาก ภายหลัง พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ออกจากราชการเข้ามาทำงานการเมือง และเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการก่อม็อบครั้งใหญ่ และ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ เป็น 1 ใน 25 ผู้ต้องหาตามหมายเรียกคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก