x close

เสริม สาครราษฎร์ พ้นโทษแล้ว บอกขออยู่เงียบ ๆ


พลิกแฟ้มคดีสยอง เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรฆ่าหั่นศพ

นายเสริม สาครราษฎร์

 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ยูทูบ โดยคุณ  CiNNtv1

          เสริม สาครราษฎร์ ออกจากเรือนจำแล้ว บอกไม่อยากตกเป็นข่าวอีก หวั่นกระทบความรู้สึกของญาติเหยื่อ

          หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ปี พ.ศ.2554 ออกมา ก็ได้ส่งผลผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งได้รับการลดโทษ รวมทั้งนายเสริม สาครราษฎร์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ นางสาวเจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาว เมื่อปี พ.ศ.2541 ที่จะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระด้วยในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากครบกำหนดจำคุก 8 ปีนั้น

          ล่าสุด นายวิษณุ ประจงกิจ ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า นายเสริม สาครราษฎร์ ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำบางขวางแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวเผยว่า อยากจะออกไปอยู่เงียบ ๆ และไปฝึกทำสมาธิ

          ขณะเดียวกัน นายเสริม ก็ยังระบุด้วยว่า ไม่ต้องการตกเป็นข่าว หรือถูกสังคมจับจ้องใด ๆ อีก เนื่องจากยังไม่รู้ว่า ญาติของผู้เสียหายรู้สึกอย่างไรบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงกลัวว่าจะกระทบต่อความรู้สึกของครอบครัวและญาติผู้เสียหาย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





พลิกแฟ้มคดีสยอง เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรฆ่าหั่นศพ


          นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษปี พ.ศ.2554 ซึ่งผลจากพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ได้ส่งผลให้นักโทษเด็ดขาดในคดีสำคัญหลายคดี ได้รับการลดโทษลง ซึ่งรวมถึง "นายเสริม สาครราษฎร์" ผู้ต้องหาคดีสยองฆ่าหั่นศพแฟนสาวที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ซึ่งจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในเดือนธันวาคมนี้


พลิกแฟ้มคดีสยอง เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรฆ่าหั่นศพ


          สำหรับคดีของ "เสริม สาครราษฎร์" จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2541 เมื่อนายสมคิด และนางสุดา พลอยองุ่นศรี เจ้าของร้านทองพรทวีชัย จังหวัดนครปฐม ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.พญาไท ว่า นางสาวเจนจิรา พลอยองุ่นศรี ลูกสาว ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 5 มหาวิทยาลัยมหิดล ได้หายตัวไปพร้อมกับรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่า สีเขียว ทะเบียน 8ษ-8580 กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีใครสามารถติดต่อได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มกราคม ทำให้พ่อแม่เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกสาว

          จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือสืบสวน พร้อมกับเชิญตัว "เสริม สาครราษฎร์" นักศึกษาแพทย์ศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของนางสาวเจนจิรามาสอบปากคำ เนื่องจากสืบทราบว่า ในช่วงหลังทั้งสองมักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เรื่องความหึงหวง ซึ่งเจ้าตัวให้การยอมรับเพียงว่า ได้พบกับนางสาวเจนจิราที่ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และมีปากเสียงกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป และไม่ได้เจอนางสาวเจนจิราอีกเลย

          อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าวมากนัก เพราะพบเบาะแสสำคัญว่า รถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 316 ทะเบียน ธ-1117 ชลบุรี ของนายเสริมมีร่องรอยเพิ่งผ่านการทำความสะอาดบริเวณช่องเก็บของท้ายรถมาหมาด ๆ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตามประกบนายเสริม ก่อนจะสืบทราบว่า ในวันที่ 27 มกราคม หลังนางสาวเจนจิราหายตัวไป 1 วัน นายเสริมได้เข้าไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่บ้าน และขอล้างรถยนต์นานนับชั่วโมง โดยเน้นทำความสะอาดที่ช่องเก็บของด้านหลังมากเป็นพิเศษ จากนั้นในวันที่ 28 มกราคม ก็มีพยานซึ่งเป็นเพื่อนบ้านในจังหวัดชลบุรี ยืนยันว่า เห็นนายเสริมกำลังเผาอะไรสักอย่างอยู่ในบ้าน แต่เมื่อสอบถามไป นายเสริมก็แสดงสีหน้าตกใจดูมีพิรุธ

          เมื่อได้เบาะแสเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จึงเชิญนายเสริม มาสอบปากคำอีกครั้ง โดยนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ และผลปรากฏว่า นายเสริมได้แสดงพิรุธหลายอย่าง ก่อนจะยอมรับสารภาพในภายหลังว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าแฟนสาวเอง เนื่องจากผู้ตายพยายามตีตัวออกห่าง โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถยนต์ของนางสาวเจนจิรา ซึ่งจอดอยู่ในห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ นางสาวเจนจิราได้บอกเลิกนายเสริม ทำให้นายเสริมโกรธตรงเข้าบีบคอนางสาวเจนจิราจนขาดใจตาย หลังจากนั้น นายเสริมจึงได้ไปเปิดห้องพักในโรงแรมม่านรูดแถวซอยรางน้ำ และลงมือชำแหละศพในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะทิ้งชิ้นส่วนต่าง ๆ ลงในชักโครก 

          หลังจากฆ่าหั่นศพนางสาวเจนจิราแล้ว นายเสริมก็ได้ย้อนกลับไปที่ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์อีกครั้ง เพื่อนำรถยนต์ของตัวเองไปจอดที่โรงแรมย่านราชเทวี ก่อนจะย้อนกลับไปยังโรงแรมม่านรูดที่เป็นสถานที่ชำแหละศพผู้ตาย จากนั้นก็ได้ขับรถของผู้ตายไปยังสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง เพื่อนำกระดูกไปทิ้ง เมื่อเสร็จแล้วจึงนำรถของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้หน้าหมู่บ้านเมืองทองธานี ย่านแจ้งวัฒนะ

          นายเสริม สารภาพต่อว่า เมื่อนำรถผู้ตายไปจอดทิ้งไว้หน้าหมู่บ้านเมืองทองธานีแล้ว ก็ได้ย้อนกลับมาเอารถของตัวเองที่จอดทิ้งไว้หน้าโรงแรมย่านราชเทวี เพื่อขนทรัพย์สินของนางสาวเจนจิราไปทิ้งถังขยะหน้าโรงพยาบาลยันฮี ก่อนจะเข้าไปขอล้างรถที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์ จากนั้นได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดชลบุรีทันที เพื่อนำเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวของนางสาวเจนจิราไปเผาทิ้ง

พลิกแฟ้มคดีสยอง เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรฆ่าหั่นศพ

          อย่างไรก็ตาม หลังจากนายเสริมให้การดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ค้นหาหลักฐานทันที ซึ่งก็พบหลักฐานตามที่นายเสริมสารภาพ ยกเว้นแต่เพียงจุดเดียว คือ ณ โรงแรมม่านรูดที่นายเสริมอ้างว่าใช้เป็นที่ชำแหละศพแฟนสาว กลับไม่พบหลักฐานอะไรเลย แม้ว่าได้ตรวจสอบบ่อเกรอะเพื่อหาชิ้นส่วนมนุษย์ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงสงสัยว่านายเสริมจะให้การเท็จ!!!

          กระทั่งความจริงเริ่มปรากฏเมื่อเจ้าหน้าที่พบกะโหลกศีรษะผู้หญิงที่ริมแม่น้ำบางปะกง ซึ่งมีร่องรอยถูกยิงหนึ่งนัด พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ จึงได้รับมอบหมายให้เข้ามาตรวจสอบและพบว่ากะโหลกศีรษะนั้นเป็นกะโหลกศีรษะของนางสาวเจนจิรา ซึ่งขัดแย้งกับคำรับสารภาพครั้งแรกของนายเสริมที่ระบุว่า ได้บีบคอนางสาวเจนจิราจนเสียชีวิต จนในที่สุดแล้ว นายเสริม ต้องจำนนต่อหลักฐาน และยอมเปิดปากว่า จริง ๆ แล้ว สถานที่ชำแหละศพนางสาวเจนจิราอยู่บนห้องพักในคอนโดมิเนียมของนายเสริมเอง โดยสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนแฟนสาวมาติวหนังสือที่ห้อง แต่เกิดทะเลาะกัน เพราะเจนจิรามีผู้ชายคนใหม่ ด้วยความโมโห นายเสริมจึงได้ใช้ปืนขนาด .38 จ่อยิงเข้าที่ขมับซ้ายของนางสาวเจนจิราจนเสียชีวิตทันที จากนั้น จึงได้ลงมือชำแหละศพแฟนสาวทิ้งลงชักโครกทั้งหมด เพื่อทำลายหลักฐาน

พลิกแฟ้มคดีสยอง เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรฆ่าหั่นศพ

          แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านายเสริมจะให้การเท็จอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะจากการตรวจสอบมิเตอร์น้ำของห้องพักนายเสริม พบว่าใช้น้ำไปไม่มากนัก ซึ่งหากทิ้งชิ้นส่วนทั้งหมดลงในชักโครกจริง น่าจะต้องใช้น้ำในปริมาณมากกว่านี้ จึงได้เค้นหาความจริงจากนายเสริมอีกครั้ง ก่อนที่นายเสริมจะยอมรับสารภาพว่า เขาได้ชำแหละชิ้นเนื้อทิ้งชักโครกไปเพียงไม่กี่ชิ้น ส่วนที่เหลือได้นำใส่ถุงดำไปทิ้งที่บ่อเกรอะของคอนโดมิเนียมแทน ขณะที่กระดูกก็ขับรถไปทิ้งที่สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ลงไปตรวจสอบบ่อเกรอะตามที่นายเสริมกล่าวอ้างก็พบชิ้นเนื้อมนุษย์จริง และเมื่อตรวจสอบทางนิติเวชก็ได้ผลยืนยันว่า ชิ้นเนื้อทั้งหมดตรงกับดีเอ็นเอของสาวเจนจิรา

          และเมื่อคดีสยองขวัญนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล ศาลได้พิพากษาให้นายเสริมต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ระหว่างที่ถูกจองจำ นายเสริมได้รับการพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา กระทั่งในปี พ.ศ.2554 นี้ นายเสริม สาครราษฎร์ ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก 1 ใน 3 จึงเหลือโทษจำคุก 8 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ และจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในวัย 35 ปี 4 เดือน

          ทั้งนี้ นายเสริม สาครราษฎร์ จัดเป็นบุคคลอัจฉริยะคนหนึ่ง โดยสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และเมื่อจบการศึกษาปริญญาตรี ตอนอายุ 19 ปี ก็ยังสามารถสอบเอนทรานซ์ติดอีกครั้งที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 




คลิป ย้อนรอย นพ.เสริมฆ่าหั่นศพแฟนสาว


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการข่าว 3 มิติ ,  , 




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เสริม สาครราษฎร์ พ้นโทษแล้ว บอกขออยู่เงียบ ๆ อัปเดตล่าสุด 17 ธันวาคม 2554 เวลา 14:35:35 247,618 อ่าน
TOP