1ปี โศกนาฏกรรม ซานติก้า วิญญาณ อาถรรพ์ อาฆาต...?


1ปี โศกนาฏกรรม ซานติก้า วิญญาณ อาถรรพ์ อาฆาต...? (ไทยรัฐ)

          หลังจากเสียงไชโย โห่ร้อง ที่ประสานก้องเข้ากับเสียงและสีสันของพลุแห่งการเฉลิมฉลองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของการก้าวผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่ได้ไม่เท่าไร พลันก็กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้อง โหยหวนครวญคราง ผสมกับเสียงหวูด-หวอจากรถพยาบาล รถดับเพลง ดังกึกก้องแบบสุดจะบรรยากาศ ที่คนในประเทศไทยจดจำได้ไม่เคยลืม...! 

          After ย้อนรอย ซานติก้า ผับหลังจาก 1 ม.ค.52...!!!



          1 ปีเต็ม กับ โศกนาฏกรรมซานติก้า ที่ผ่านไป.... หากยืนมองจากด้านนอกรั้วผ่านป้ายที่ระบุเอาไว้แดงใหญ่ชัดเจนว่า “อันตรายเขตก่อสร้าง ห้ามบุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด” เรียกได้ว่านอกจากต้นหญ้า ขวดน้ำแดง และธูปที่ปักคาเอาไว้มากมาย ก็แทบมองไม่ออกว่าตรงที่หญ้าขึ้นรกๆ ในบริเวณเขตหวงห้ามนั้น เมื่อหลายปีก่อนเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนมีระดับทั้งหญิง-ชายแต่งกายหรูหรามากหน้าหลายตา มาเสพความสนุก สรวลเสเฮฮา ดื่ม-กิน นาม ซานติก้า

          วันนี้ไม่มีเค้าโครงความหรูหรา และผู้คนแต่งตัวสวยงามฟูฟ่าเช่นเดิมเลย...!!!!

          พนักงานสาวจากซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ปากซอย สุขุมวิท 63 ย้อนบรรยากาศตอนเกิดเหตุใหม่ๆ ให้ ไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า ช่วงแรกๆ ที่เกิดเหตุ ธูป เทียน และเครื่องสังฆทานที่นี่ขายดีมากๆ คนส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้ออุปกรณ์ทำบุญเหล่านั้น เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าจะเจอลูก เพื่อน พี่ น้อง ญาติของเขาจะตายไหม เลยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน 

          "มีหลายคนที่น่าสงสารมากๆ เดินงงๆ เข้ามามาขอซื้อธูป ไปไหว้ขอให้เจอศพลูก เพราะมันทุกๆ อย่างมันไหม้เป็นต่อตะโก เห็นแล้วก็สงสารมากๆ ซึ่งบ้านเราอยู่แถวนั้น เราเห็นเหตุการณ์ความชุลมุนเป็นอย่างดี"



          เรื่องเล่าผีๆ จากพนักงานสาวซุปเปอร์ และมอเตอร์ไซด์วิน…!!!!

          แม้วันนี้ภาพบรรยากาศความชุลมุลต่างๆ จะจางหายไป แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่ พนักงานคนเดิมกล่าวว่า เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องวิญญาณเฮี้ยนของสถานที่แห่งนี้...

          "มันมีเรื่องเล่าเฮี้ยนๆ มากมาย ตั้งแต่เรื่องมีหญิงสาวแต่งตัวสวยมาโบกรถแท๊กซี่ ให้ไปส่งที่ซานติก้า ปรากฏว่าพอมาถึงหญิงสาวคนที่ว่าหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรืออย่างเรื่องมอเตอร์ไซค์วินในซอยนี้ก็เคยมาเล่าเหมือนกันว่าเคยเจอคนโบกอยู่หน้าซานติก้า พอเลี้ยวรถจะไปรับหญิงสาวหน้าตาสวยก็หายไป" 

          ประเด็นเสียงร่ำลือเรื่องวิญญาณที่ซานติก้า ไทยรัฐออนไลน์ เข้าไปสอบถามจากมอเตอร์ไซค์วิน คิวปากซอยสุขุมวิท 63 โดย นายบุญชู พลทามูล กับ นายประมวล พึ่งพันธุ์ เล่าให้ฟังว่า เรื่องวิญญาณเฮี้ยนซานติก้ามีมูลของความเป็นจริง

          "เดือนแรกๆ ที่นี่เป็นที่กล่าวขานกันมากเรื่องผี รถมอเตอร์ไซค์หลายคันในนี้ ก็เคยเจอคนโบกจากกลางซอยแต่พอหันรถกลับไปรับ กลับไม่มีผู้หญิงอยู่"

          มอเตอร์ไซค์วิน หน้าปากซอยทองหล่อยังบอกอีกว่า เชื่อหรือไม่ว่า ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ มอเตอร์ไซค์ทุกๆ คันทั้งซอยขับผ่านซานติก้าด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังว่าจะหนีความน่ากลัวได้

          "พอพระอาทิตย์ตก เรียกว่าไม่มีคนกล้ามองแถวนั้น อย่างเพื่อนผมมาเล่าให้ฟังว่าพอขับรถผ่านแถวนั้นทีไร ได้ยินเหมือนเสียงคนมากมายกรีดร้องมาไกลๆ เสมอๆ หรือขับผ่านแล้วเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่เคยมีคนเจอจะจะนะ มีแค่เรื่องเล่า มอเตอร์ไซค์หลายคันเลิกขับไปเพราะเจอเหตุการณ์ลี้ลับแบบนี้" พวกเขากล่าวและทิ้งท้ายว่า ถ้าอยากรู้เรื่องในพื้นที่จริงๆ แนะนำว่าให้ไปถามคนงานก่อสร้างที่ตั้งแคมป์อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ เรื่องผีๆ จากปากคนงานก่อสร้าง และคนในพื้นที่...เฮี้ยนจริงหลอกจริง ???



          คำร่ำลือเรื่องความดุ ความเฮี้ยนของวิญญาณในซานติก้า ไม่ใช่จะหยุดแค่ปากซอย

          คนในพื้นที่อย่างคนงานก่อสร้าง ซึ่งตั้งเพิงสังกะสีอยู่ภายในพื้นที่หวงห้ามอดีต “ซาติก้า ผับ” ก็ยืนยันความเฮี้ยนให้ ไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า บริเวณนี้แทบทุกอาทิตย์จะมีพ่อ แม่ และญาติๆ ผู้ตายเอาของมาเซ่นไหว้ผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์ไฟไหม้มากมาย แต่ปัจจุบันก็มีคนมาทำบุญบ้างอย่างน้อยๆ ต้องมีเดือนละครั้งสองครั้ง 

          "กลางคืนบรรยากาศก็มีน่ากลัวบ้าง แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปนานแล้ว ความน่ากลัวจึงบรรเทาลง ถ้าอยากรู้อะไรไปมากกว่านี้ก็ไปถามคนที่อาศัยอยู่แถวๆ นี้" คนงานก่อสร้างบอกว่าเขาพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะคนงานที่นี่เพิ่งโดนไล่ออกไปเพราะพูดเรื่องผีๆ ของสถานที่แห่งนี้

          ห่างจากนั้นไม่ไกลไปจากจุดเดิม ไทยรัฐออนไลน์ พบกับ คุณลุงประเสริฐ อายุกว่า 60 ปี เล่าให้ฟังเรื่องเสียงร่ำลือถึงเรื่องวิญญาณตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ว่า เมื่อตอนที่เกิดเหตุกาณ์ใหม่ๆ ที่นี่มันเป็นเหมือนสถานที่สำหรับคนอยากลองของ เป็นสถานที่สำหรับพวกลองดี

          ลุงประเสริฐบอกว่า เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งมีรายการวิทยุที่เกี่ยวกับการเล่า-ล่าผี ก็พาคนมาพิสูจน์ มีรายการโทรทัศน์พาหมอดูใส่แว่นฟันยื่นๆ ชื่อดังที่อ้างว่ามีตาทิพย์มาเพื่อพิสูจน์เรื่องผีแล้ว ตอนซานติก้าไฟไหม้ใหม่ๆ ก็มีพวกที่เฝ้ายามจัด "ไนท์ทัวร์" เก็บ 20 บาทเพื่อให้คนเข้าไปดูผี ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากๆ 

          "หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหม่ๆ คนแถวนี้เขาก็ลือกันมากเรื่องวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อาถรรพ์ที่ผมเคยประสบมากับตัวเอง คือ มีคนงานที่อยู่ในนั้น เขาจะตัดต้นโพธิ์ที่อยู่หน้าซานติก้าทิ้งตามคำสั่ง ซึ่งกำลังก้มตัดต้นโพธิ์อยู่ดีๆ เขาก็ล้มตัวลงหัวฟาดพื้น ชักกระตุก และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน"

          หรืออย่างเหตุการณ์อาถรรพ์ที่มีคนในชุมชนที่ลุงประเสริฐอาศัยอยู่ ตอนเกิดเหตุการณ์ซานติก้าใหม่ๆ เห็นว่าเขาแอบมุดเข้าไปหยิบเหล้าและของต่างๆ ที่ยังใช้ได้ในซานติก้ามากิน ไม่นานพวกเขาก็ท้องแตกและก็เสียชีวิตลงแบบไร้สาเหตุ

          แม้กระทั่งเรื่องที่คุณลุงเห็นกับตา ว่ามีคนงานก่อสร้างเห็นผู้หญิงห้อยเท้าลงมาจากต้นโพธิ์ หลังจากนั้นไม่นานคนงานคนนั้นก็ป่วยหนัก 

          "เรื่องนี้ลองไปถามคนแถวนี้ได้ ทุกคนรู้หมด แต่จะมีใครพูดหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง แต่สำหรับผมถามว่าเชื่อไหม เชื่อสนิทใจว่าผีมีจริง แต่เดี๋ยวนี้เรื่องอาถรรพ์ และเรื่องผีๆ ก็ลดลงไปมากหลังจากที่พวกเขาทำบุญใหญ่หลายศาสนาอุทิศส่วนกุศลไปก็ค่อยๆ หายไปแล้ว" 

บทเรียนผู้รอดชีวิตจาก (ผี) ซานติก้า

          ดีเจเพชรจ้า หรือ วิเชียร กุศลมโนมัย เป็นหนึ่งในผู้รอดตายปาฎิหาริย์และก็เป็นหนึ่งคนที่ยอมรับกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่าถูกวิญญาณผีใน "ซานติก้า" หลอก 7 วัน 7 คืน จนต้องตัดสินใจไปบวช ยกอุทาหรณ์พร้อมกับฝากเตือนมาในโอกาสครบรอบ 1 ปีเต็มของเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซานติก้า ว่า เชื่อหรือไม่จนถึงวันนี้ 1 ปีที่ผ่านมา ยังจำทุกๆ เรื่องราวของเหตุการณ์รอดตายในซานติก้ามาจนถึงทุกวันนี้

          "คืนนั้นผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร อยู่กลางผับแล้วอาการเราคึกคะนองมากๆ คงเพราะดื่มเหล้าไปด้วย รออีก 5 นาที ผมกับภูมิเราก็จะขึ้นไปเป็นพิธีกรบนเวทีเป็นคิวสุดท้าย บังเอิญผมขอตัวเขาออกไปเอาของที่รถ ช่วงเวลาที่เราไปเก็บของที่รถแล้วเดินกลับเข้ามา ก็เห็นคนวิ่งถือถังดับเพลิงบอกว่าไฟไหม้ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ดับ สุดท้ายก็มีคนเลื่อนถังแก๊สมาไว้ข้างๆ รถของผม ผมก็เลยต้องขึ้นไปเลื่อนรถ ผมกับภูมิและก็เพื่อนภูมิอีกคนก็ขึ้นรถเพื่อที่จะไปจอดด้านหน้า  พอขึ้นมาบนรถเลื่อนมาด้านหน้าเพราะตอนแรกอยู่ด้านหลังไม่รู้เรื่อง  พอเลื่อนมาด้านหน้าก็เห็นรถดับเพลิงมีเพลิงไฟใหญ่แล้ว  เฮ้ย....ไหม้ขนาดนี้เลยหรอ"

          ดีเจเพชรจ้าบอกว่า จังหวะที่รอดเหมือนมีอะไรมาดลใจ ลองคิดดูซิว่า อยู่ดีๆ ก็อยากไปเก็บเสื้อผ้า  อยู่ดีๆ ก็มีคนเข็นถังแก๊สมาไว้ข้างรถเราสองคนก็เลยปรึกษากันว่าควรจะเลื่อนรถไปจอดข้างหน้าเพื่อที่จะปลอดภัย

          "บทเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น คือเวลาเที่ยวอย่าเมามาก เรียกว่าอย่าเที่ยวจนเมามายเพราะคนรอดส่วนใหญ่คือคนที่ไม่เมา คนเมาคือขาดสติ ตอนออกมา ต่อให้รู้ทางหนีไฟถ้าเมาก็ออกมาไม่ได้ ดังนั้นผมอยากจะบอกนักเที่ยวทุกๆ คนที่ชอบดื่มว่า ถ้าคิดจะดื่มคุณต้องเมาแบบมีสติ เมาในระดับที่สามารถดูแลคนอื่นและตัวเองได้ เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อคุณเที่ยวแบบไม่มีสติพอเกิดเหตุการณ์อะไร คุณก็มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ"

          อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องวิญญาณวันนี้ ตั้งแต่บวช ดีเจเพชรจ้า ยอมรับว่า ไม่เจอวิญญาณตามมาหลอกแต่ก็น่าเสียดายที่ว่ากุมารทองชื่อ "กล้า" ที่อยู่กับครอบครัวเพชรจ้า มากว่า 50 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นก็หายตัว

          "ผมคิดว่าเขาหายไปตอนที่เราบวช เพราะเวลาทำบุญต้องเชิญพระ 9 รูปมาทำบุญ ซึ่งตอนนั้นผมเป็นพระด้วยก็มาเป็นรูปที่ 10 ซึ่งมีน้อยมากที่เจ้าของบ้านจะเป็นพระแล้วมาทำบุญบ้านร่วมกันกับพระอีก 9 รูป อีกทั้งยังร้อยสายสิญจน์เอง ผมก็คิดว่าพวกเขาคงไปเกิด" เพชรจ้าเล่า

          ไปเกิด...เหมือนเหล่าวิญญาณมากมายที่ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมเพลิงมัจจุราชร้ายใน “ซานติก้า” ผับ หลังจากที่ทนทุกข์ทรมาณจากเหตุการณ์ 31 ธันวาคม 2551 ก้าวเข้าสู 1 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา กับอุทาหรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้ปกครองบ้านเมืองต้องตระหนัก รอบคอบและจริงจัง มากกว่าแค่การออกมาตราการ “ห้ามจุดพลุในผับ...” แค่นั้น แล้วก็ปล่อยให้คนตาย ญาติผู้ตาย และนักเที่ยวที่ยังนิยมท่องราตรีต้องเผชิญกับความอันตรายในภายภาคหน้า อย่างไม่เป็นธรรม....?

          เพราะเชื่อว่าไม่เพียงคนที่ประสบเหตุเท่านั้น วิญญาณที่ทุกข์ทรมานมากมายใน "ซานติก้า" หลายคนเชื่อว่ายังจับตา และเฝ้ามองความยุติธรรมอยู่ไม่ไกล ไม่ว่าจะนานเท่าไรก็ตาม...!!!




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
1ปี โศกนาฏกรรม ซานติก้า วิญญาณ อาถรรพ์ อาฆาต...? อัปเดตล่าสุด 31 ธันวาคม 2552 เวลา 16:18:43 43,685 อ่าน
TOP
x close