
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โฆษกกองทัพบกยัน ไม่มีเครื่องบินสอดแนมตกในกัมพูชา เพราะยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้
สืบเนื่องจากกรณีที่หนังสือพิมพ์กัมพูชา ระบุว่า มีเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับของไทยตกในเขตกัมพูชา และสามารถเก็บซากเครื่องบินดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานนั้น
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวมาได้อย่างไร กัมพูชาไปเอาข่าวมาจากไหน และไม่ทราบว่าข้อมูลนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร
ด้าน พ.อ.ประวิตร หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ก็กล่าวสนับสนุน เช่นเดียวกันว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีข่าวมาได้อย่างไร กองทัพภาคที่ 2 ไม่ได้ร้องขอเครื่องบินสอดแนมมาปฏิบัติการตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพราะไม่มีความจำเป็น และสถานการณ์ขณะนี้ ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 ประเทศก็อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ไม่มีการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด และสำหรับเรื่องการถอนทหารออกนอกพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ต้องรอฟังผลการประชุมจีบีซีที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายเดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยถึงกรณีสื่อกัมพูชา เผยแพร่ข่าวกล่าวหา ทหารไทยส่งเครื่องบินสอดแนมติดตั้งวัตถุระเบิดร้ายแรงเข้าไปในดินแดนกัมพูชา จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เหนือน่านฟ้าฝั่งกัมพูชา เสียงระเบิดได้ยินไกลถึงตัวจังหวัดพระวิหาร ซึ่งกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ไทยไม่ได้ส่งเครื่องบินสอดแนม ติดตั้งระเบิดร้ายแรงบินเข้าไปในฝั่งประเทศกัมพูชาเลย เรื่องดังกล่าวที่ สื่อกัมพูชา ตีข่าวมานั้นเป็นการสร้างเรื่อง เพื่อจะได้นำไปเป็นข้ออ้างโจมตีฝ่ายไทยได้ว่า ไม่ปฏิบัติตามกฎที่ศาลโลกประกาศ
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวนั้น มีผลประโยชน์แอบแฝงเรื่องข้อพิพาทชายแดน ไทย-กัมพูชา มากกว่า อีกทั้งทางฝ่ายกัมพูชา อาจจะมองเห็นช่องทางในการกล่าวหาฝ่ายไทย เพื่อผลประโยชน์ในการพิพากษาของศาลโลกได้ จึงได้นำเอาข้อผิดพลาดของไทย เมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ที่มีเหตุปะทะที่บริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ฝั่ง จ.สุรินทร์ ที่กองกำลังสุรนารี ส่งเครื่องบินสอดแนม ขนาดความยาว 1.20 เมตร น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเครื่องบินตรวจการณ์วิทยุบังคับ สั่งการขับเคลื่อนด้วยรีโมทคอนโทรล บินขึ้นไปตรวจการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา แล้วเกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ซึ่งเครื่องบินตรวจการณ์ลำดังกล่าว เกิดหลุดรัศมีการบังคับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุม พยายามบังคับกลับคืน แต่เครื่องบินลำดังกล่าวกลับหลุดหายจากจอเรดาห์ และไม่สามารถที่บังคับได้ จึงอาจจะตกในบริเวณจุดใดจุดหนึ่ง ตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้ไม่ได้มีการส่งเครื่องบินขึ้นตรวจการแต่อย่างใด
ดังนั้น เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทาง กัมพูชา จะกล่าวหาว่า ไทยส่งเครื่องบินขึ้นไปสอดแนม ล้ำน่านฟ้ากัมพูชา เพราะไทยไม่ได้ส่งเครื่องบินขึ้นไปเลยในช่วงนี้ เป็นการสร้างข่าวมากกว่า ซึ่งไม่มีมูลความจริง เพราะยังไม่มีใครพบหลักฐานอะไรเลย
สื่อเขมรตีข่าว เครื่องบินสอดแนมไทยบึ้มเหนือ จ.พระวิหาร
สื่อกัมพูชา รายงานข่าวเกิดเสียงระเบิดเหนือน่านฟ้า จ.พระวิหาร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดเป็นเครื่องบินสอดแนมแบบไร้คนขับของไทย
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2554 สื่อหลายสำนักในกัมพูชา ต่างพากันรายงานข่าวว่า เกิดเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิดเหนือน่านฟ้า จ.พระวิหาร 3 ครั้งติดต่อกัน ได้ยินไกลถึงฝั่งไทยในช่วงเวลาประมาณ 06.10 น.ของวันนี้ สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก และเศษโลหะขนาดประมาณ 1 เมตร ตกลงใน 4 พื้นที่ของ อ.กูเลน แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.อ.(พิเศษ) มึว เปา ผู้บัญชาการตำรวจ จ.พระวิหาร ให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า เสียงระเบิดดังมากและได้ยินไปไกลกว่า 60-70 กิโลเมตร ซึ่งตนคาดว่าอาจจะเสียงระเบิดของเครื่องบินแบบไร้คนขับที่ถูกส่งมาสอดแนม จึงได้เก็บหลักฐานเพื่อส่งให้คณะทำงานพิเศษระดับชาติและผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบ รวมทั้งจะใช้เป็นวัตถุพยานสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศด้วย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า พบกล่องดำในสภาพสายไฟขาดวิ่นพันรอบกล่องแบตเตอรรี่ชนิดแห้ง กล่องด้านหน้าเป็นรูปกรวย และท่อกรวยปลายแหลมยาว 1 เมตร ขณะที่ศูนย์ข่าวต้นมะขาม ของกัมพูชา รายงานว่า เครื่องบินสอดแนมแบบไม่มีคนขับลักษณะนี้ ได้บินเข้าไปในดินแดนกัมพูชามาแล้ว 3 ครั้ง แต่เพิ่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และกลัวว่าทหารไทยจะยิงระเบิดร้ายแรงเข้ามาในดินแดนกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุถึงที่มาของเสียงระเบิดดังกล่าวว่ามาจากที่ใด แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า ไม่ใช่เสียงของการทำลายระเบิดขององค์การซีมัค (CMAC) ของกัมพูชา ในพื้นที่ อ.จวมกสาน แน่นอน เนื่องจากทุกครั้งที่จะมีการทำลายระเบิด จะมีการแจ้งให้ฝ่ายไทยรับทราบล่วงหน้าทุกครั้ง อีกทั้งเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นเกิดในช่วงเวลาเช้าตรู่ ซึ่งไม่ใช่เวลาทำการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


