
อับดุล ฮาคิม เบลฮาจ หัวหน้ากลุ่มกบฏลิเบีย
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก middle-east-studies.net
แฉเอกสารลับ ยุคมืดระหว่าง รัฐบาลสหรัฐฯ กับรัฐบาลยุคกัดดาฟี ระบุทั้งสองมีสัมพันธภาพอันดี เผยจับผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายเข้าคุกลับไทย
วานนี้ (4 กันยายน) สำนักข่าวเอพี ได้รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาของเอกสารลับทางราชการที่ถูกค้นพบในสำนักงานความมั่นคงของลิเบียในกรุงตริโปลี ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ระบุถึงเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยสืบราชการลับซีไอของสหรัฐฯ รวมไปถึงหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ เอ็มไอซิกซ์ ที่เคยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของ พลเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงการสอบเค้นข้อมูลและทรมานผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับในคดีก่อการร้าย ซึ่งข้อมูลในรายงานดังกล่าวตรงกับการเปิดเผยของนายอับดุล ฮาคิม เบลฮาจ หัวหน้ากลุ่มกบฏลิเบีย ที่ขณะนี้เป็นฝ่ายรัฐบาลใหม่ในลิเบียว่า "เคยถูกซีไอเอจับทรมานในคุกลับที่ประเทศไทย"
แหล่งข่าวระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลกัดดาฟีในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ข่าวกรองของอเมริกา โดยเอกสารดังกล่าวที่พบเจอท่ามกลางเอกสารนับแสนฉบับ ในอาคารสำนักงานความมั่นคงนอกประเทศ ซึ่งเนื้อหาได้แสดงถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลลิเบียยุคกัดดาฟี ถึงขั้นที่คิดจะมาตั้งสำนักงานในกรุงตริโปลี อีกทั้งยังมีชื่อเรียกที่สนิทสนมกัน รวมทั้งให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ โดยทางฝ่ายกัดดาฟีเสนอว่าจะช่วยดูแลการทำงานของซีไอเอ ในการส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปยังประเทศที่สาม และทำการสอบเค้นผู้ต้องสงสัยด้วยการทรมานเช่น วิธีวอเตอร์บอร์ดดิ้ง ที่ทำให้หายใจไม่ออกในลักษณะเหมือนจมน้ำ
นอกจากนี้ในเอกสารดังกล่าว ยังได้มีรายชื่อที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลกัดดาฟี เช่น หัวหน้ากบฏอย่างนายเบลฮาจ ซึ่งนายเบลฮาจ นี่เองที่ได้เปิดเผยเรื่องราวผ่านสื่อแห่งหนึ่งว่า ตนเคยถูกส่งไปยังคุกลับที่ประเทศไทย ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับขังคุกอาบูซาลิมในลิเบีย 7 ปี ทั้งนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย แต่กลับต้องมาเป็นเหยื่อจากเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ 11 กันยายน ในปี 2544 อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในเอกสารลับช่วง ปี 2547 ยังได้ระบุถึง นายเบลฮาจ ในชื่อ อัลดุลเลาะห์ อัล-ซาดิก ว่าจะมากรุงเทพฯ กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ จึงขอให้จับกุมไว้ด้วย และขอให้ปฏิบัติต่อ นายเบลฮาจ อย่างมีมนุษยธรรม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







