x close

สอบใบขับขี่-ต่อใบขับขี่ ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ควรรู้



สอบ-ต่อใบขับขี่ เตรียมตัวอย่างไรดี

          ใครยังไม่มีใบขับขี่ยกมือขึ้น... ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องขับขี่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์เดินทางบนท้องถนน คงไม่ดีแน่ หากไร้ซึ่งใบอนุญาตขับขี่ ดังนั้น วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของใบขับขี่กัน แต่อย่างแรกคงต้องพูดถึงข้อกำหนดในการสอบใบขับขี่กันก่อน ซึ่งปัจจุบันจะใช้เวลาในการสอบใบขับขี่ 2 วันด้วยกัน แยกออกเป็นการสอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติ สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบใบขับขี่ ต่ออายุใบขับขี่ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ นอกจากจะต้องฝึกขับรถให้คล่องแล้ว มีข้อควรรู้อะไรอีกบ้างไปดูกันเลยจ้า


 คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์สอบใบขับขี่

          1. ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สอบใบขับขี่ ต้องมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป

          2. ใบขับขี่รถยนต์ ผู้สอบใบขับขี่ ต้องมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป

          3. ไม่เป็นผู้พิการทางสายตา (ตาบอด)

          4. ไม่มีอาการตาบอดสี

          5. สำหรับผู้พิการดังต่อไปนี้ ถ้าต้องการทำใบขับขี่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อรับคำปรึกษา

               ผู้พิการแขนขาดข้างเดียว
               ผู้พิการขาขาดข้างเดียว
               ผู้พิการตาบอดข้างเดียว
               ลำตัวพิการ
               หูหนวก


 เอกสารในการยื่นขอสอบใบขับขี่

          1. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา

          2. กรณีไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้บัตรข้าราชการ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ใช้แทน พร้อมสำเนา

          3. ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน

          4. สำเนาทะเบียนบ้าน

          5. ขอใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ด ไม่ต้องใช้รูปถ่าย

          6. ขอใบขับขี่แบบธรรมดา ใช้รูปถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 2 ใบ มีอายุไม่เกิน 6 เดือน


 ขั้นตอนในการขอสอบใบขับขี่

          การขอสอบใบขับขี่ใช้ระยะเวลา 2 วันทำการ โดยมีขั้นตอนทั้งหมด ดังนี้

          1. รับบัตรคิวสอบใบขับขี่ ได้ที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้านท่าน

          2. นำเอกสารที่เตรียมมายื่นต่อเจ้าหน้าที่

          3. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ดังนี้

               ทดสอบตาบอดสี โดยให้เรียกชื่อสีหลังจากเห็นสัญญาณไฟจราจรจำลอง

               ทดสอบสายตาทางลึก โดยการกดปุ่มเลื่อนเสา 2 เสา ให้อยู่ตำแหน่งตรงกัน

               ทดสอบสายตาทางกว้าง เป็นการทดสอบการมองกระจกข้าง โดยการจ้องที่จุดสีตรงกลาง แล้วมีสีต่าง ๆ ขึ้นมาให้เห็นทางหางตาทั้งสองข้าง ให้ตอบให้ถูกต้องว่าสีที่หางตาคือสีอะไร

               ทดสอบการใช้เท้า โดยการเหยียบคันเร่ง แล้วเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟแดง ต้องผ่านเกณฑ์ 2 ใน 3 ครั้ง

          4. อบรมทฤษฎีการขับขี่รถยนต์ การอ่านป้ายจราจรต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

          5. สอบข้อเขียนเกี่ยวกับทฤษฎีในการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีเวลา 1 ชั่วโมง ข้อสอบจำนวน 30 ข้อ ผู้สอบใบขับขี่รถยนต์ต้องตอบถูก 23 ข้อขึ้นไป ส่วนผู้สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องตอบถูก 24 ข้อขึ้นไป ทำในคอมพิวเตอร์ รู้ผลทันที และให้กลับบ้านได้ โดยให้มาสอบปฏิบัติใหม่ในวันรุ่งขึ้น

          6. วันต่อมา ให้มารับบัตรคิวสอบปฏิบัติการขับขี่ ฟังการสาธิตการสอบ หากนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปเองให้นำไปจอดรอใกล้ ๆ สนามสอบ หากไม่มี ให้ทำเรื่องเช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ได้


 ขั้นตอนการสอบปฏิบัติรถยนต์

          1. การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า

               ด้านซ้ายของรถต้องจอดขนานกับขอบทาง มีระยะห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
               ด้านหน้าของรถต้องไม่ล้ำเกินจุดหยุดรถข้างทาง และมีระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร
               ห้ามขับปีนทางเท้าหรือขอบทาง

          2. การขับรถเดินหน้าและถอยหลังทางตรง มีการทดสอบให้เลือก 2 แบบ

               แบบที่ 1 ขับเดินหน้าและถอยหลังออก ในช่องเดินรถที่มีความยาวประมาณ 10-12 เมตร มีหลักวางขนานกัน 2 แถว ระยะห่างวัดจากความกว้างของตัวรถบวกเพิ่มไปอีกข้างละ 50 เซนติเมตร ห้ามชนหรือขับเบียดหลักที่วางไว้

               แบบที่ 2 ขับเดินหน้าและถอยหลัง ในช่องที่กำหนดให้ มีขนาดกว้าง 2.5 เมตร โดยล้อรถต้องไม่ทับเส้น และห้ามชน หรือปีนขอบทาง

          3. การขับรถถอยหลังเข้าซอง

               เปลี่ยนเกียร์เดินหน้า และถอยหลังรวมกันได้ไม่เกิน 7 ครั้ง
               ท้ายรถต้องตั้งฉากกับขอบทาง ไม่ปีนหรือไม่ตกขอบทาง

          4. การหยุดรถและออกรถบนทางลาด

               โดยให้ขับรถขึ้นทางลาด แล้วเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ โดยไม่ไหลลงจากทางลาด จากนั้นให้เดินหน้าเพื่อออกรถ

          5. การกลับรถ

               ให้กลับรถในช่องที่กำหนด โดยไม่เบียดหรือชนหลักที่ตั้งเอาไว้

          6. การขับรถตามเครื่องหมายจราจร

               ขับรถไปตามช่องทางที่กำหนด เมื่อเจอป้ายจราจรให้ปฏิบัติตามป้าย ห้ามลืมเปิดไฟเลี้ยวและให้สัญญาณไฟให้ถูกต้องทุกครั้ง

          7. เมื่อผ่านขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ให้เดินกลับมารับผลการสอบใบขับขี่และไปยื่นขอทำใบขับขี่รถยนต์ได้เลย


 ขั้นตอนการสอบปฏิบัติรถจักรยานยนต์

          1. การเดินหน้าและหยุดรถ

               การออกรถต้องซ้าย ขวา และด้านหลังก่อนทุกครั้ง การหยุดรถต้องจอดให้สนิทและเอาขาซ้ายลงวางกับพื้น

          2. การขี่รถซิกแซก

               ให้ขี่รถซิกแซกผ่านกรวยสีส้มที่วางอยู่ประมาณ 5 อัน โดยไม่ชน หรือทำกรวยล้ม

          3. การทรงตัวบนทางแคบ

               ให้ขี่รถบนแท่นปูนซีเมนต์ หรือสะพานไม้แคบ ๆ กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เมตร ให้ขี่ทรงตัวไปจนสุดทาง

          4. การอ่านป้ายและทำตามกฎจราจร

               เมื่อขี่รถและพบทางแยก ให้เปิดไฟเลี้ยว และเลี้ยวไปตามที่ป้ายจราจรบอกไว้ พบทางม้าลายให้จอดให้คนเดินข้าม โดยหยุดรถให้สนิท

          5. เมื่อสอบปฎิบัติเสร็จแล้ว ให้ไปยื่นขอทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ได้เลย


 การต่ออายุใบขับขี่

          สำหรับใครที่ใบขับขี่หมดอายุ การต่อใบขับขี่ในปัจจุบัน ต้องเข้าฟังการอบรมประมาณ 2 ชั่วโมง เตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วไปยื่นขอต่อใบขับขี่กับเจ้าหน้าที่ โดยหากใบขับขี่ขาดการต่ออายุไม่เกิน 1ปี ให้เข้าฟังอบรม ทดสอบสมรรถภาพ และสอบข้อเขียนใหม่ หากใบขับขี่ขาดการต่ออายุเกิน 3 ปี จะต้องสอบใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด


 เอกสารในการต่อใบขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์ 

          1. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา

          2. ใบขับขี่ใบเดิมที่หมดอายุ

          3. ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน

          4.  หากมีการย้ายทะเบียนบ้าน ให้นำสำเนาทะเบียนบ้านฉบับใหม่ไปด้วย



 ขั้นตอนในการต่อใบขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์ 

          1. ยื่นเอกสารขอต่อใบขับขี่

          2. เข้าฟังการอบรม

          3. ทดสอบสมรรถนะทางร่างกาย

          4. ถ่ายรูป

          5. ชำระค่าธรรมเนียมการต่อใบขับขี่รถยนต์ 605 บาท หรือ ค่าธรรมเนียมการต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 355 บาท และรอรับใบขับขี่ใหม่ได้เลย


  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  

          กรมการขนส่งทางบก
          ที่อยู่ 1032 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
          โทรศัพท์ 1584 หรือ 0-2271-8888
          เว็บไซต์ : http://www.dlt.go.th

          สำนักงานขนส่ง จ.นนทบุรี
          ที่อยู่ 28/8 หมู่ที่ 8 ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
          โทรศัพท์ 1584 หรือ 08-0307-1811 ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ
          เว็บไซต์ : http://www.dltnon.org

           สำนักงานขนส่ง จ.สมุทรปราการ
          ที่อยู่ 332 หมู่ที่ 3 ถนนสุขุมวิทสายเก่า ต.บางปูใหม่  อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10280
          โทรศัพท์ 0-2323-3618, 0-2323-2703
          เว็บไซต์ : http://samutprakan.dlt.go.th

          สำนักงานขนส่ง จ.ปทุมธานี
          ที่อยู่ 84 หมู่ 1 ต.บ้านฉาง  อ.เมือง  จ.ปทุมธานี 12000
          โทรศัพท์ 0-2581-4526, 0-2581-8070
          เว็บไซต์ : http://pathumthani.dlt.go.th

          สำนักงานขนส่ง จ.สมุทรสาคร
          ที่อยู่ 119 หมู่ 1 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000
          โทรศัพท์ 034-820896-8
          เว็บไซต์ : http://samutsakhon.dlt.go.th

          สำนักงานขนส่ง จ.นครปฐม
          ที่อยู่ 100 หมู่ที่ 8 ถนนมาลัยแมน ต.วังตะกู อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
          โทรศัพท์ 0-3426 1011-3
          เว็บไซต์ www.nt-dlt.com

          สำนักงานขนส่ง จ.เชียงใหม่
          ที่อยู่ 192 ม.7 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
          โทรศัพท์ 0-5327-8570, 0-5327-0410-2
          เว็บไซต์ www.chiangmaidlt.go.th

          สำหรับใครที่ไปสอบใบขับขี่แล้วไม่ผ่าน ก็สามารถกลับไปสอบใหม่ได้ โดยต้องมีระยะห่าง 3 วัน จากครั้งสุดท้ายที่ไปสอบมาอ่านจบแล้วอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเอกสาร การฝึกขับรถ และที่สำคัญต้องพกสมาธิไปด้วย ขอให้สอบผ่านได้ใบขับขี่กันทุกคน ได้ใบขับขี่มาแล้วอย่าลืมขับรถเคารพกฎจราจรกันด้วยนะจ๊ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สอบใบขับขี่-ต่อใบขับขี่ ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ควรรู้ อัปเดตล่าสุด 6 มกราคม 2563 เวลา 14:03:53 878,857 อ่าน
TOP