
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
โซเชียลมีเดีย แฉ รัฐหมกเม็ดโครงการนาซา กางปฏิทินขนอุปกรณ์เข้าไทยตั้งแต่ 18 พฤษภาคมแล้ว แผนลากยาวถึงตุลาคม ไม่ใช่แค่ 2 เดือน พ่วงเครื่องบินจารกรรมด้วย ผงะ! เว็บนาซาเผยเองรุกคืบสนามบินใน กทม.-สุราษฎร์ธานี ด้วย ยิ่งลักษณ์ อ้ำอึ้งเข้า ครม. 26 มิ.ย.หรือไม่
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน ในโลกโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะเฟซบุ๊กหน้าเพจสายตรงภาคสนาม รวมถึงเฟซบุ๊กอื่น ๆ ได้มีการตรวจสอบโครงการที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของไทย โดยอ้างเพื่อศึกษาชั้นบรรยากาศ โดยเพจสายตรงภาคสนามได้ให้หัวข้อว่า "รัฐบาลสุดหมกเม็ด อ้างรอ ครม.ชี้ขาดให้นาซาใช้อู่ตะเภาหรือไม่ 26 มิ.ย. แต่เว็บไซต์นาซา เปิดตารางการทำงานละเอียดยิบ เริ่มขนอุปกรณ์เข้าไทย 18 พ.ค.-ต.ค.55 แถมกินพื้นที่สำรวจถึงตอนใต้ของจีน สุดเสี่ยงมีเครื่องบินจารกรรมร่วมปฏิบัติการด้วย"
เพจดังกล่าวได้อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์นาซา ระบุว่า มีการเผยแพร่ข้อมูลการสำรวจที่กินวงกว้างครอบคลุมพื้นที่ถึงตอนใต้ของจีน, พม่าและอินเดียด้วย โดยเครื่องบินรุ่นที่นาซานำมาใช้ 3 ลำนั้น มีหนึ่งรุ่นคือ ER 2 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีอุปกรณ์สำหรับการจารกรรมข้อมูลได้ด้วย โดยเครื่องบินดังกล่าวนั่งได้คนเดียว ไม่มีผู้โดยสาร การกล่าวอ้างของรัฐบาลว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์ขึ้นไปสำรวจด้วยจึงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าปฏิทินการทำงานของนาซา มีการระบุการทำงานในไทยไว้อย่างละเอียด ตั้งแต่การขนอุปกรณ์ในวันที่ 18 พฤษภาคม และสิ้นสุดการทำงานในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ซึ่งขัดแย้งกับที่รัฐบาลให้ข้อมูลโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยระบุว่า เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนทำข้อตกลง และต้องได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก่อน แต่หากพิจารณาตามปฏิทินของนาซา เท่ากับว่าเริ่มขนอุปกรณ์เข้ามาในไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ส่วนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ก็เคยระบุว่านาซาจะเข้ามาปฏิบัติการในไทยแค่ 2 เดือน คือ สิงหาคม-กันยายน 2555 แต่จากปฏิทินก็ชัดเจนว่าใช้เวลายาวนานกว่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีบางเฟซบุ๊กอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์นาซาเช่นกัน ในโครงการ SEAC4RS โดยพบเรื่องที่น่าสนใจนอกจากปฏิทินการปฏิบัติงานของนาซา ว่านาซายังต้องการใช้สนามบินในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีก ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เคยเอ่ยอ้างถึงเลย (http://espo.nasa.gov) ซึ่งพื้นที่สุราษฎร์ธานีนั้นถือเป็นที่ตั้งของฝูงบินกริพเพนของไทยด้วย
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกว่า ความร่วมมือของนาซาคือความร่วมมือสำรวจภูมิอากาศ แต่เรื่องสถานที่ต้องดูในรายละเอียด แต่ทีมงานได้เสนอว่าอู่ตะเภาเหมาะสมกว่า แต่ก็ยังไม่ได้สรุปในเรื่องสถานที่ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้เป็นรายละเอียดที่เราจะหารือกัน จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพราะการจะไปร่วมมือต่าง ๆ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องทำความเห็นกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกองทัพและกฤษฎีกาก็ต้องตีความ ว่าต้องนำเสนอต่อรัฐสภาหรือไม่ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในส่วนของสหรัฐนั้นก็ให้กระทรวงต่างประเทศไปชี้แจงให้เข้าใจถึงขั้นตอนของไทย
"เราต้องทำทั้ง 2 ส่วน ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ต้องประคองในเรื่องของการสื่อสารให้เข้าใจสอดคล้องกัน ขณะเดียวกันก็ต้องดูในรายละเอียดของประเทศว่า มีปัญหาอุปสรรคหรือข้อห่วงใยอะไร และขั้นตอนตามกฎหมาย หรือขั้นตอนในเนื้อหา ว่ากฎหมายจะต้องดำเนินการอย่างไรให้ถูกต้อง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
เมื่อถามกรณีนาซาได้ขีดเส้นตายให้คำตอบภายในวันที่ 26 มิถุนายน นายกฯ กล่าวว่า เราคงต้องเข้าไปหารือ เชื่อว่าสหรัฐน่าจะเข้าใจในขั้นตอนของเรา และจะมีการเปิดสัญญาแน่นอน เพราะทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรเลย เป็นเรื่องต่อเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียด ต้องมีข้อสรุปก่อน เพราะการที่เราแจ้งเร็วไป หากไม่ถูกต้องก็จะเสียทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราต้องประคองทั้ง 2 ส่วน แต่ไม่มีอะไรปิดบังแน่นอน
"ยังไม่ทราบว่าจะเข้า ครม.ได้ทันสัปดาห์หน้าหรือไม่ เพราะเดิมทีที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งมา เราก็อยากขอให้ทำความเห็นก่อน จึงต้องกลับไปทำความเห็นให้ครบก่อน ถ้าครบเมื่อไรก็คงจะเข้ามา" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
