
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กระทรวงต่างประเทศ ชี้ ศาลโลกไร้อำนาจตีความปราสาทพระวิหาร เพราะเป็นคดีเก่าแถมยังมีเงื่อนงำซ่อนไว้ในอุทรณ์ แต่ไม่ว่าผลพิจารณาจะเป็นเช่นไร ไทยต้องยอมรับโดยดี
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐสภาฯ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) พิจารณาคำร้องของกัมพูชาเกี่ยวกับข้อพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารในเดือนเมษายนนี้ โดยได้เชิญนายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเข้าชี้แจง แต่นายสุรพงศ์ ติดภารกิจจึงมอบหมายให้อธิบดีที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อ กมธ. แทน
ทั้งนี้ นายดามพ์ บุญธรรม ผอ.กองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า กรอบแนวทางการต่อสู้ในการแถลงคดีด้วยวาจาในวันที่ 15-19 เมษายนนั้น ทีมกฎหมายไทยจะชี้แจงต่อศาลว่าไม่มีอำนาจในการตีความคดีครั้งนี้ โดยประกอบด้วย 3 แนวทาง ได้แก่
1. การชี้แจงคัดค้านว่าศาลไม่มีอำนาจในการตีความพื้นที่ทับซ้อน เพราะถึงแม้ธรรมนูญศาลจะให้อำนาจศาลตีความใหม่ในคดีเดิมที่เคยมีคำพิพากษาไปแล้วโดยไม่มีอายุความ แต่ทางกัมพูชาดำเนินการไม่ถูกต้อง เพราะทางกัมพูชายื่นให้ศาลตีความคดีเดิมในเรื่องใหม่ คือ ให้ตีความพื้นที่ทับซ้อนไม่ใช่ตัวปราสาทเขาพระวิหาร เปรียบเสมือนกัมพูชาซ่อนอุทธรณ์ในการยื่นตีความต่อศาลครั้งนี้
2. ชี้แจงต่อศาลว่าระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้เกิดข้อพิพาทใดในเรื่องของการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในปี 2505 โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทยได้อนุมัติให้มีการล้อมรั้วครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อน และกัมพูชาไม่ได้มีการโต้แย้งใดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นการยอมรับสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนของไทย
3. ชี้แจงต่อศาลว่า ทางกัมพูชาไม่มีอำนาจในการยื่นตีความ เพราะยื่นตีความโดยไม่ถูกต้อง เป็นในลักษณะการอุทธรณ์ที่ซ่อนรูปในการตีความ ซึ่งแท้จริงแล้วธรรมนูญศาลไม่ได้ให้อำนาจในการอุทธรณ์ในคดีที่มีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2505
ด้านายวรเดช วีระเวคิน อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินแนวทางคำพิพากษาของศาลไว้ 4 แนวทาง ดังนี้
1. ศาลยกฟ้อง เพราะไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ ซึ่งส่งผลให้ไทยได้สิทธิตามสถานะเดิมหลังคำพิพากษาในปี 2505
2. ศาลระบุว่าศาลเองมีอำนาจในการพิจารณาคดีและพิพากษาให้ยึดอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่ทับซ้อนตามที่มติ ครม. ของไทยเมื่อปี 2505 ที่อนุมัติให้มีการล้อมรั้ว
3. ศาลพิพากษาให้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่เป็นของกัมพูชา โดยยึดแผนที่ 1:200,000 ที่ทางกัมพูชาใช้กล่าวอ้าง
4. คำพิพากษาของศาลออกมาในแนวทางเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากมีคณะตุลาการร่วมวินิจฉัยทั้งสิ้นรวม 17 คน โดยศาลอาจออกมาตรการบังคับอื่นแทน ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นแนวทางใด
โดยนายดามพ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดหวังว่าศาลจะมีคำพิพากษาในแนวทางแรก คือ ยกฟ้องการยื่นตีความของกัมพูชา แต่ที่สุดแล้วไม่สามารถไปสรุปแทนศาลได้ว่าคำพิพากษาจะออกมาแนวทางใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากมีการแถลงด้วยวาจาแล้ว ศาลจะพิพากษาในราวเดือนตุลาคม โดยยืนยันว่า ไทยจะยอมรับคำพิพากษาของศาล และนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล
ทั้งนี้ หากไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก อาจเข้าข่ายผิดต่อกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 94 ที่ระบุว่า หากผู้เป็นฝ่ายในคดีฝ่ายใดไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันซึ่งตกอยู่แก่ตนตามคำพิพากษาของศาล อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงได้ ซึ่งถ้าเห็นจำเป็นก็อาจทำคำแนะนำหรือวินิจฉัยมาตรการที่จะดำเนินเพื่อให้เกิดผลตามคำพิพากษานั้น
นอกจากนี้ นายดามพ์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มการเมืองบางฝ่ายที่ระบุไม่ให้ไทยรับอำนาจศาลโลก และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลว่า ต้องทำความเข้าใจว่า การไม่รับอำนาจศาลโลกได้นั้นต้องเกิดขึ้นในกรณีที่เป็นคดีความที่เกิดขึ้นใหม่ แต่คดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่ศาลเคยมีคำพิพากษาไปตั้งแต่ปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ดังนั้นถือว่าไทยรับอำนาจศาลโลกไปแล้ว แต่ประเด็นในการต่อสู้ครั้งนี้คือ การชี้แจงว่าศาลไม่มีอำนาจในการตีความคดีเดิมที่เสมือนเป็นการอุทธรณ์ตามที่ทางกัมพูชาได้ยื่นคำร้อง เพราะธรรมนูญศาลโลกไม่ได้ให้อำนาจไว้
ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีประเทศใดในองค์การสหประชาชาติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลก ส่วนกรณีที่นายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายความประสานงานคดีปราสาทพระวิหารระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นอาจเกิดจากความเข้าใจผิด ทั้งนี้ยอมรับว่า สหรัฐฯ ได้ประหารชีวิตนักโทษเม็กซิโกจริงทั้งที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลโลก แต่อัเนื่องมาจากการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศไม่ทันการณ์ โดยรัฐบาลกลางได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกแล้ว เพียงแต่แก้กฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับศาลไม่ทันเท่านั้น จึงขอยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อศาลโลกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีการเรียกร้องให้นายสมปองเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมายต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารนั้น ทางกระทรวงต่างประเทศยินดีรับฟังและนำไปพิจารณา แต่จะมีการแต่งตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







