x close

อดีตครู สิทธัตถะ เอมเมอรัล โพสต์ FB เผยเบื้องหลังชีวิตลูกศิษย์


สิทธัตถะ เอมเมอรัล ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ 2013
สิทธัตถะ เอมเมอรัล ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ 2013


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ rexonathailand สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            เรื่องของ สิทธัตถะ เอมเมอรัล ชายวัย 24 ปี ที่ขึ้นไปโชว์ร้องเพลงบนเวที ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ 2013 ด้วยกิริยาอาการที่ดูผิดแปลกจากคนทั่วไป ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า สิทธัตถะ เอมเมอรัล มีสภาพจิตใจที่ปกติหรือไม่ พร้อมกับตั้งคำถามไปยังบริษัท เวิร์คพอยท์ฯ ผู้ผลิตรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 3 ว่า เหตุใดจึงตัดสินใจออกอากาศการแสดงชุดนี้ เพราะดูแล้วน่าจะเกิดกระแสลบมากกว่า หรือเพียงแค่ต้องการสร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึงเท่านั้น

            ทั้งนี้ ในโลกไซเบอร์ได้มีผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันมากมาย โดยส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่า สิทธัตถะ เอมเมอรัล น่าจะมีความบกพร่องบางอย่าง พร้อมกับตำหนิบริษัท เวิร์คพอยท์ฯ ที่หวังจะสร้างเรตติ้งโดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้คนที่วิจารณ์ก็ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ ระบุว่าตนเองเคยเป็นอาจารย์สอน สิทธัตถะ เอมเมอรัล สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา

            โดยอาจารย์คนดังกล่าว ได้เล่าความจริงบางประการที่เกี่ยวกับ สิทธัตถะ เอมเมอรัล ว่า เขาเคยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ทุกวันจะต้องตื่นขึ้นมาเจอคุณแม่ที่พูดบ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตัวเขากลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยพูดกับใคร เพราะคิดว่าหากยุ่งด้วยก็เรื่องมาก ทำให้เขาถูกเพื่อนมองเป็นตัวประหลาด และถูกแกล้งอยู่เป็นประจำ

            ทั้งนี้ อาจารย์เคยแนะนำให้คุณพ่อของสิทธัตถะ เอมเมอรัล พาลูกชายและคุณแม่ไปพบจิตแพทย์ ซึ่งคุณพ่อก็บอกว่าเคยจะพาไปแล้ว แต่คุณแม่ไม่ยอม เพราะไม่ยอมรับว่ามีอาการผิดปกติ และยังคงพูดไม่หยุดตลอดเวลา ขณะเดียวก็ไม่เข้าใจว่าลูกชายมีปัญหาที่อีคิว เพราะเห็นว่าลูกชายเรียนหนังสือได้ จนถึงช่วงก่อนเรียนจบชั้น ม.6 สิทธัตถะ เอมเมอรัล เริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงขึ้น และเมื่อจบการศึกษาไปแล้วก็ไม่มีเพื่อนทราบข่าวคราวของเขาอีกเลย กระทั่งมาออกรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ที่สร้างความตกใจให้คนที่รู้จักเขาเป็นอย่างยิ่ง

            ส่วนเรื่องที่ สิทธัตถะ เอมเมอรัล ขึ้นไปแสดงบนเวทีนั้น อาจารย์มองว่า การปล่อยให้เขาขึ้นเวทีนั้นเท่ากับปล่อยให้เกิดการฆาตกรรมขึ้น ทั้งที่ควรจะมีการออดิชั่นรอบแรกก่อน ซึ่งหากมีการออดิชั่นก็น่าจะดูออกแล้วว่าเขามีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด และความสามารถที่ไม่ผ่าน จึงคิดได้เพียงว่านี่คือธุรกิจที่บริษัทพยายามทำทุกทางเพื่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น จึงอยากร้องขอให้สถาบันต่าง ๆ ที่ผลิตบุคลากรด้านสื่อสารมวลชนอย่าสอนเด็กให้เห็นแก่รายได้มากเกินไป จนลืมเรื่องคุณธรรมจริยธรรม

สำหรับข้อความทั้งหมดที่อาจารย์มัธยมฯ ผู้นี้โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก มีดังนี้

            "ความจริงบางประการที่เกี่ยวกับ สิทธัตถะ เอมเมอรัล ก่อนที่จะอ่านต่อไป ขอให้ผู้อ่านจินตนาการว่าถ้าเป็นตัวเองจะเป็นอย่างไรตื่นเช้ามาเจอแม่พูดอยู่ตลอดเวลา บ่นทุกเรื่อง ไปโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่ดีมากแห่งหนึ่งของประเทศไทยและด้วยความคิดนี้เอง ทำให้ผู้ปกครองทั้งที่มีฐานะบ้างแต่ไม่มากพอที่จะส่งลูกไปโรงเรียนระดับอินเตอร์ หรือไม่ค่อยมีฐานะ ใช้ความพยายามทุกวิถีทางให้ลูกเข้าเรียนที่นี่ให้ได้ จึงทำให้ในห้องเรียนมีนักเรียน 55–60 คน (บางห้องมีเกินกว่านี้)

            เมื่อครูเข้าห้องสอนก็ต้องเจอหน้าถึง 55-60 หน้า ถ้า 1 วัน สอน 4 ห้อง ครูต้องเจอนักเรียน 220-240 คน ความสามารถในการจำหน้าคน จะมีกันสักแค่ไหน คนที่ห้อมล้อมเราแยะขนาดนี้ คนละพ่อคนละแม่ ยุ่งด้วยก็เรื่องมากอีก ฉะนั้น เราอย่าไปพูดกับพวกมันเลยดีกว่าไหม กินข้าวในโรงอาหารก็ไม่ได้ เดี๋ยวต้องเอ่ยปากพูด ส่วนเพื่อน ๆ เมื่อเห็นว่ามีคนไม่ยอมพูดอะไรกลายเป็นตัวประหลาด และด้วยความเป็นเด็กที่ไม่เคยเห็นว่าบนโลกนี้มีอะไรที่ไม่เหมือนตัวเองตั้งอีกมากมาย ทำให้เพื่อน ๆ คอยแหย่คอยแกล้งอยู่เป็นประจำ ขนาดไม่พูดด้วย พวกมันยังคอยแกล้งอีก

            ฉะนั้น อย่าพูดเลยดีกว่า จากการที่ผู้เขียนได้มีโอกาสรู้จักกับเอมเมอรัล ในช่วง 3 ปีสุดท้ายที่เรียนมัธยม และการที่ได้คุยกับพ่อ ได้เคยแนะนำว่าลองพาทั้งแม่และเอมเมอรัลไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ได้รับคำตอบว่าเคยจะพาไป แต่แม่ไม่ยอม เพราะไม่ยอมรับว่ามีอาการผิดปกติ แต่ก็ยังพูดไม่หยุดตลอดเวลา โดยไม่เข้าใจว่าลูกมีปัญหาที่ EQ แต่กลับเข้าใจว่า IQ ดี เพราะเรียนหนังสือได้ปกติ (แต่ก็ยังไม่ยอมพูด)

            ช่วงก่อนจบ ม.6 พฤติกรรมเริ่มรุนแรงขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏเมื่ออยู่ ม.4-5 เช่น การไปซ่อนตัวในห้องน้ำ การเอาทรายใส่กระเป๋านักเรียนแล้วแบกไปโรงเรียน ทุกวันนี้ผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม หลังจบ ม.6 ไม่มีเพื่อนคนไหนได้พบเห็น หรือได้ข่าวอะไรเลย ไม่มีใครรู้ว่าได้เรียนต่อที่ไหนหรือไม่ แต่ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นมาออกรายการ TGT และได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นจากรายการนี้ ผู้เขียนเข้าใจว่าคนที่จะได้ขึ้นเวทีควรมีการ audition รอบแรกก่อน เพราะถ้ามีทุกคนก็จะได้เห็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาด และความสามารถที่ไม่ผ่านแน่ ๆ

            ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ก็ปล่อยให้ขึ้นไปแสดงอะไรก็ได้เดี๋ยวนั้นเลย (โดยส่วนตัวผู้เขียนเลิกดูรายการนี้ตั้งแต่มีการใช้ นมวาดรูปแล้วบอกว่ามันเป็นศิลปะ) รวมทั้งพฤติกรรมของกรรมการทั้ง 3 คน และอาการของผู้ประกาศทั้ง 2 คน ถ้ามีการพูดคุยตั้งแต่แรกก่อนขึ้นเวที ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น การปล่อยให้ขึ้นเวทีไปเลยนั้น เหมือนกับการปล่อยให้เกิดการฆาตกรรมบนเวที หรือเหมือนกับการปล่อยให้ หมา แมว ขึ้นไปแสดงอะไรที่มันน่ารักให้คนดู พอคนดูไม่พอใจก็โห่ไล่ซะ

            โดยไม่ต้องคิดว่าเจ้าตัวจะคิดอย่างไร จะรู้สึกอย่างไร ไม่อยากขอร้องทางสถานี หรือบริษัทที่ทำรายการนี้ให้รับผิดชอบอะไร เพราะมันเป็นธุรกิจมันเป็นรายได้ ต้องพยายามทุกทางเพื่อให้เกิดรายได้แก่ตัวเองอยู่แล้ว แต่อยากร้องขอไปยังสถาบันต่าง ๆ ที่ผลิตบุคลากรทางสื่อสารมวลชน เป็นสาขาที่เด็กไทยนิยมมากในลำดับต้น ๆ ขอให้ช่วยสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยอย่าสอนให้เห็นแก่รายได้มากเกินไป จนเห็นคนเป็นเพียงสัตว์ที่จะให้ทำอะไรก็ได้




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อดีตครู สิทธัตถะ เอมเมอรัล โพสต์ FB เผยเบื้องหลังชีวิตลูกศิษย์ โพสต์เมื่อ 7 มิถุนายน 2556 เวลา 16:03:41 111,209 อ่าน
TOP