ประวัติ วังไกลกังวล พระราชนิเวศน์ส่วนพระองค์ ณ หัวหิน




วังไกลกังวล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

    
    เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับชั่วคราว ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้ง ตลอดเส้นทางมีพสกนิกรมารับเสด็จอย่างเนืองแน่น ร่วมกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง สร้างความปลื้มปีติมาสู่ชาวไทยทั้งผอง  จึงทำให้หลาย ๆ คนต้องการทราบประวัติความเป็นมาของพระตำหนักแห่งนี้ 

        สำหรับ "วังไกลกังวล" แห่งนี้มีอายุกว่า 83 ปี เดิมเป็นพระราชวังส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่ ให้สร้างขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2469 เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดย หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ผู้อำนวยการศิลปากรสถานในขณะนั้นเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

        โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงออกพระนามเรียกวังแห่งนี้ว่า "สวนไกลกังวล"  ในตราสัญลักษณ์ของวัง หมายถึง "สวนที่อยู่ห่างไกลจากความกังวล" ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี (พ.ศ. 2472) จึงสร้างแล้วเสร็จ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยข้าราชบริพารประทับแรมครั้งแรกในปี 2473 พร้อมสมโภชขึ้นพระราชวังด้วย ซึ่งพระตำหนักตั้งอยู่ที่ชายทะเลมีรูปแบบโครงสร้างเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์สเปน แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของไทย มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก และเหมาะสมกับการเป็นที่ประทับตากอากาศรูปแบบคล้ายบ้านขนาดใหญ่เสียมากกว่าพระราชวังที่ต้องการความมีระเบียบและระบบที่ขึงขัง ไม่มีการแยกเป็นฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ตามแบบแผนของพระราชวังที่เคยมีมาในโบราณราชประเพณีอีกต่อไป

        ในส่วนของการตกแต่งนั้น บริเวณด้านหน้าของแต่ละตำหนักถูกประดับด้วยโคมไฟ อุปกรณ์การเดินเรือ รูปปั้นแกะสลักหิน นาฬิกาแดดแบบโบราณ ซึ่งพระตำหนักจะล้อมรอบด้วยแปลงสวนแบบตะวันตกลวดลายเรขาคณิตแบบฝรั่ง มีไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดตัดเป็นรูปทรงประดับ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดลออของสถาปนิก ที่สรรค์สร้างเลือกใช้วัสดุก่อสร้างให้เหมาะสมกับท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หอย ที่ได้รวบรวมหอยทุกชนิดให้เยี่ยมชม

            ส่วนภายในวังไกลกังวล มี 4 พระตำหนัก ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งหมด มีนามคล้องจองกันไพเราะเสนาะหู อันได้แก่ เปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีย์

           พระตำหนักเปี่ยมสุข ตึกแบบสแปนิชสูงสองชั้นพร้อมทั้งหอสูง เป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ปัจจุบันเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

           พระตำหนักน้อย เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของ สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯและพระองค์เจ้าหญิงอาภรพรรณี พระบิดามารดาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โปรดเสด็จไปประทับพักผ่อนเมื่อตามเสด็จไปหัวหิน และเคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

           พระตำหนักปลุกเกษม  เป็นตำหนักโปร่ง ๆ แบบไทยปนสมัยใหม่ มีห้องนอนหลายห้องด้านหลัง ตั้งโต๊ะและเก้าอี้หมู่ และใกล้ ๆ กันนั้นมีห้องน้ำและห้องส้วมชั้นล่างมีห้องอีกหลายห้องเหมือนกัน สำหรับหม่อมเจ้าหญิงที่เป็นโสด ซึ่งใกล้ชิดในราชสำนักโดยเสด็จพระราชดำเนินไปตากอากาศด้วย ปัจจุบัน เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

           พระตำหนักเอิบเปรม และเอมปรีย์ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งพระตำหนักมีลักษณะชั้นเดียวคู่ฝาแฝด การก่อสร้างและการวางห้องเครื่องใช้ คล้ายคลึงกันตำหนักฝาแฝดนี้เตี้ยเกือบติดพื้นดินซึ่งสร้างเป็นแบบบังกาโลสำหรับตากอากาศชายทะเลอย่างแท้จริง

        นอกจากนี้ ในส่วนของเขตพระราชฐานทางทิศเหนือของพระราชวังไกลกังวล ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลาเริง เป็นศาลาเอนกประสงค์สำหรับเลี้ยงพระ พระราชทานเลี้ยง ทรงกีฬา ทรงดนตรีทั้งไทยเดิมและเทศ จัดฉายภาพยนตร์ที่ทรงถ่าย รวมไปถึงภาพยนตร์ต่างประเทศ การ์ตูนสำหรับเด็กในพระราชอุปการะ พร้อมจัดงานรื่นเริงและการแสดงต่าง ๆ นับว่า ศาลาเริงแห่งนี้ดุริยางศิลป์ นาฏศิลป์ และสถาปัตยกรรมได้รับการส่งเสริมอย่างครบถ้วน ศาลาเริงยังใช้เป็นท้องพระโรงได้ด้วยเมื่อจำเป็นซึ่งมีขนาดย่อยส่วนหนึ่งเป็นคอร์ทกีฬาสควอซ

       ต่อมาปี 2475 เนื่องจากมีเหตุเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯและสมเด็จพระราชินี กำลังประทับอยู่ที่วังไกลกังวล แต่ก็มีเรื่องราวยุ่ง ๆ ตลอดมา กระทั่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า "ตั้งชื่อไกลกังวล อาจจะผิดไปเสียแล้ว ที่จริงดูเหมือนจะใกล้กังวลมากกว่า" อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีพระบรมราชโองการประกาศยกเป็นพระราชวัง ดังนั้น จึงคงเรียกว่า "วังไกลกังวล"

       ปัจจุบัน พระราชวังไกลกังวลเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในช่วงฤดูร้อนของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกนามเรียกวังแห่งนี้ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง "ทองแดง" ไว้ว่า "วังไกลกังวล"

        นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงไกลกังวล ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรีอัมพรสถานวันศุกร์  หรือ อ.ส.วันศุกร์ โดยจะบรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายทุกครั้งที่เลิกเล่นดนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ นายวิชัย โกกิละกนิฐ ประพันธ์คำร้อง โดย พรรณนาความประทับใจขณะอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล รวมไปถึงบรรยากาศความงดงามของพระราชวังไกลกังวล มีหาดทรายงาม ที่แห่งนี้มีแต่ความสนุกสนาน รื่นเริง ปราศจากความทุกข์โศกใด ๆ

ไกลกังวล บทเพลงพระราชนิพนธ์
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: วิชัย โกละกนิษฐ์

                      อยู่ไกลกังวลชนม์ชื่นฉ่ำ
          หาดทรายและน้ำนำไกลเศร้า
          ไม่มีหาดไหนงามเทียมเท่า
          คลื่นครวญคลอเคล้าวอนรักฝั่ง

                      ค่ำคืนไม่เหงาเราเริงสุข
          ไม่มีความทุกข์ใดมาบัง
          ได้ยินแต่เสียงดนตรียัง
          สนุกกันทั้งยามค่ำคืน

                       รุ่งอรุณแล้วฟ้าเรืองเรื่อ
          แต่ใจยังเหลือความเริงรื่น
          สนุกจริงหนอคลอเสียงคลื่น
          โต้ลมฉ่ำชื้นยามพลิ้วผ่าน

                      โน่นเดือนยังค้างฟ้าลอยเด่น
          แต่เราไม่เว้นความสำราญ
          แข่งกันคอยรับทิวาวาร
          สนุกสนานกันเถิดเอย

       สำหรับประชาชนเข้าชมวังไกลกังวล สามารถเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ราคาบัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท โปรดแต่งกายสุภาพก่อนเข้าเยี่ยมชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 032-511112 ถึง 5




 
 
เพลงพระราชนิพนธ์ ไกลกังวล โพสต์โดย HifSCT สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม




ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประวัติ วังไกลกังวล พระราชนิเวศน์ส่วนพระองค์ ณ หัวหิน อัปเดตล่าสุด 6 สิงหาคม 2556 เวลา 09:04:39 63,890 อ่าน
TOP
x close