เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
ศรส. แถลงเหตุปะทะหลักสี่ ชี้กระสุนมาจากทั้งสองฝั่ง เป็นฝั่งกปปส. 39 นัด และฝั่งหนุนเลือกตั้ง 3 นัด เร่งดำเนินคดีกับคนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทุกราย พร้อมเผย 5 กรณี ที่ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ครบทุกเขต
วานนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2557) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ศรส.
โดยนายธาริต ได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทีผ่านมา และไม่ร่วมมือขัดขวางการเลือกตั้งกับกลุ่ม กปปส. ส่วนประชาชนที่ร่วมกระทำผิด ทาง ศรส. จำเป็นต้องสั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย และขอให้ประชาชนที่พบเห็นถ่ายภาพและแจ้งความร้องทุกข์พร้อมมอบหลักฐานได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ทาง ศรส. ยังสรุปสาเหตุที่ทาง กกต. ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ในบางเขตไว้ 5 กรณี คือ
1. ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 26 มกราคม 2557 ไม่สามารถจัดให้มีการลงคะแนนได้ เนื่องจากกลุ่ม กปปส. ข่มขู่ผู้ใช้สิทธิ์ พร้อมขัดขวาง และปิดล้อมหน่วยเลือกตั้ง
2. ก่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 มีการก่อความไม่สงบโดยใช้อาวุธและกำลังประทุษร้ายกับกลุ่มเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย นอกจากนี้ยังปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่ จนต้องประกาศงดลงคะแนน
3. ก่อนวันเลือกตั้งและในวันเลือกตั้ง เกิดเหตุกลุ่ม กปปส. ปิดล้อม สนง.ไปรษณีย์ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตบางเขตใน กทม. จนไม่สามารถนำบัตรเลือกตั้ง หีบบัตร รวมทั้งเอกสารที่จำเป็นเข้าไปยังหน่วยเลือกตั้งได้
4. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งบางแห่งไม่มาปฏิบัติหน้าที่และขอลาออก จึงไม่สามารถจัดหาบุคคลอื่นมาทำหน้าที่แทนได้ทัน
5. ในวันเลือกตั้ง กลุ่มก่อความไม่สงบได้ขัดขวางด้วยการปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งบางแห่ง ทำให้ผู้มาใช้สิทธิ์ไม่สามารถเดินทางมาใช้สิทธิ์ได้
พร้อมกันนี้ นายธาริต ยังกล่าวอีกว่า กลุ่ม กปปส. จะต้องถูกดำเนินคดีว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
นายธาริต ยังเผยถึงผลการสืบสวนเหตุปะทะหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาด้วยว่า จากพยานหลักฐานและผลการตรวจสอบวิถีกระสุน รวมถึงร่องรอยทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้ข้อยุติแล้วว่า วิถีกระสุน และร่องรอยการใช้อาวุธปืน มาจากกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่าย กปปส. และฝ่ายที่ต้องการเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเร่งขอหมายจับผู้กระทำผิด และทำการจับกุมโดยเร็วต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรบ เผยว่า เท่าที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุมีร่องรอยกระสุนปืนในบริเวณดังกล่าวทั้งหมด 42 รอย มีทิศทางจากกลุ่มที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง 3 รอย และจากกลุ่ม กปปส. 39 รอย สำหรับวัตถุที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุมีทั้งปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนทั้งหมด 25 รายการ จำแนกเป็น ปืนอาก้า 1 หัว, กระสุนปืน .223 1 หัว, กระสุนปืนคาร์บิน 2 ปลอก, หมอนรองกระสุนปืนลูกซอง 1 อัน, ปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. 4 ปลอก, หัวกระสุนปืน .38 6 หัว, หัวกระสุนปืน 9 มม. 9 หัว และปลอกกระสุนปืน 9 มม. 2 ปลอก
สำหรับ อาวุธที่ถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์ดังกล่าวมี 7 รายการ ประกอบด้วยปืนคาร์บิน ปืนขนาด .223 ลูกซอง อาก้า ปืนขนาด .38 ปืนขนาด 9 มม. และปืนขนาด 11 มม.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก