"หุ่นเงา" มนต์เสน่ห์แห่งแสง สะท้อนวิถีชีวิตชุมชน (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ)
จำได้ไหมว่าเราเคยเห็นเงาครั้งแรกในชีวิตเมื่อไหร่ หลายคนคงจำไม่ได้ แต่ในศิลปะว่าด้วยเรื่องของเงานั้น เชื่อกันว่าเงาเป็นภาษาหนึ่งของมนุษย์ เหมือนเวลาหลับตานั่งอยู่ในห้องมืด แต่รับรู้ได้ว่าในห้องมืดนั้นมีไฟเปิดหรือปิดอยู่ ในสมัยโบราณก็มีการวาดรูปเป็นเรื่องราวไว้ตามผนังถ้ำ ใช้ภาวะความเป็นขาวดำมาวาดเป็นเรื่องราวต่าง ๆ เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะมีเงาเสมอไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
แต่ทว่าด้วยมนต์เสน่ห์แห่งเงานอกจากเอาชนะใจเด็ก ๆ แล้ว ที่บ้านคลองกระอาน ม.14 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หลงใหลในเงาได้หยิบเอา "หุ่นเงา" ที่เธอเคยหลงรักนั้นมาเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้เห็นถึงความพิเศษของมันเฉกเช่นเดียวกันกับที่เธอหลงไหล ผ่านโครงการพื้นที่สร้างสรรค์ ด้วยสายใยสื่อศิลปวัฒนธรรมชุมชน ปี 2 จังหวัดพัทลุง
ป้าป้อม หรือ นางเตือนใจ สิทธิบุรี ผู้หญิงเจ้าของไอเดียการนำหุ่นเงามาสะท้อนชีวิตชุมชน และผู้รับผิดชอบโครงการพื้นที่สร้างสรรค์ ด้วยสายใยสื่อศิลปวัฒนธรรมชุมชน ปี 2 จังหวัดพัทลุง ที่สนับสนุนโดยแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. เล่าว่า "หุ่นเงา" มีลักษณะเป็นหุ่นแบน ๆ เจาะลายฉลุ มีไม้เสียบกลางตัว และมีไม้โยงจากอวัยวะส่วนที่ต้องการ เพื่อให้ดึงให้เคลื่อนไหวคล้ายหนังตะลุง หรือหนังใหญ่ การเชิดจะใช้แสงส่องผ่านตัวหุ่นให้เงาของหุ่นปรากฏบนจอผ้าขาวที่ขึงไว้ คนดูจะไม่เห็นตัวหุ่น แต่จะเห็นเฉพาะเงาของหุ่นเท่านั้น ...หุ่นเงาอาจทำมาจากหนัง กระดาษแข็ง กระจกใส หรือพลาสติกก็ได้ ถ้าต้องการให้มีสี จะทาสีต่าง ๆ ลงไป เมื่อส่องไฟผ่านจะเห็นเป็นสีสันปรากฏที่จอ ซึ่งวัสดุอุกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบไปด้วย ฉากหรือผ้าฉาก กระดาษโปร่งแสง ไฟฉาย ไฟหลากหลายสีที่ทำให้เกิดเงาในหลากหลายมิติ เมื่อเงามีเสน่ห์ขนาดนี้ ในปี 2556 จึงได้นำ หุ่นเงามาทำงานในพื้นที่ตำบลนาปะขอ เพราะความมุ่งมั่นว่าอยากจะใช้หุ่นเงาเป็นตัวเชื่อมเด็ก ๆ ที่อยู่ในตำบลนาปะขอ และตำบลนาท่อม มาทำงานสืบค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ชุมชนของตนเองร่วมกัน แต่การที่จะทำให้เด็ก ๆ ผู้ที่มีสมาธิสั้น ไม่อยู่นิ่งจดจ่อและทำอะไรบางอย่างนั้นนาน ๆ นั้น คงเป็นเรื่องยากมาก แต่การเอาศาสตร์และศิลป์ ที่เป็น "หุ่นเงา" มาช่วยเสริมให้เด็กได้เล่นไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ ได้แสดงออก ได้ทดลองคิด-ทำ และร่วมสืบค้นประวัติศาสตร์ชุมชนจากผู้สูงอายุ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ของคนเฒ่าคนแก่กับเยาวชนไปในตัว ปัจจุบันนี้ "หุ่นเงา" ได้ถือเป็นสื่อสมัยใหม่ที่ถูกเด็ก ๆ สร้างสรรค์ให้อยู่คู่กับชุมชนตนเองไปแล้ว
และเพื่อเป็นการเสริมความรู้ให้กับเด็ก ๆ ป้าป้อมจึงได้ชวน "กลุ่มมานีมานะ" กลุ่มนักทำกิจกรรมที่ใช้กระบวนการละครเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนผ่านศิลปะเชิงสร้างสรรค์ ด้วยหลักสูตรหุ่นเงาให้กับเด็ก ๆ ได้เข้ามาทำความรู้จักกับโลกแห่งเงา ด้วยการจินตนาการตัวเองให้กลายร่างเป็นรูปเงาของสัตว์ชนิดต่าง ๆ บนฉากสีขาว หรือการจับเงาของแต่ละคนประทับลงบนกระดาษ อย่างอิสระพร้อมเติมสีสันลงไปจนกลายเป็นภาพที่สวยงาม ก่อนเข้าสู่กระบวนการคิดเรื่องและการสร้างหุ่นเงาขึ้นมา หุ่นเงาที่สร้างสรรค์โดยเด็ก ๆ เริ่มออกแสดงเรื่องแรกในชื่อตอนว่า "บ้านคลองกระอาน" เป็นเรื่องราวของเต่าที่เคยมีอยู่จำนวนมาก ณ บ้านคลองกระอาน ตำบลนาปะขอ จังหวัดพัทลุง ในเนื้อเรื่องชาวบ้านได้พูดคุยกันว่าจะจัดการอย่างไรกับเต่า ฝ่ายพ่อค้าบอกว่าจะนำเต่าไปขายชาวบ้านก็อนุญาต ฝ่ายชาวบ้านเองก็นำไข่เต่าไปกิน เมื่อเวลาผ่านไปเต่ายิ่งจะสูญพันธุ์ ครอบครัวเต่าจึงออกมาประท้วงว่า จับเราทำไม? ท่านจะบอกลูกหลานอย่างไรว่าไม่มีเต่า? ชาวบ้านจึงคิดได้ว่าเราต้องอนุรักษ์เต่าแล้วล่ะ แล้วจะทำอย่างไรให้เกิดการอนุรักษ์ฟื้นฟู
"ส่วนที่ตำบลนาท่อม แสดงเรื่องแรก คือ เรื่อง "คืนข้ามปีที่นาท่อม" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของนาท่อม เป็นการอวยพรในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ คืนวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนที่จะเข้าสู่ปีใหม่ ที่จะมีคณะกลองยาวของตำบลนาท่อม ออกอวยพรปีใหม่ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน นำเพลงที่เป็นเอกลักษณ์มาอวยพร ขณะที่เจ้าของบ้านจะรอต้อนรับอยู่ที่บ้านของตนเอง เพื่อจะรอรับขบวนกลองยาว เมื่อขบวนกลองยาวไปถึงจะมีเพลงอวยพร คำอวยพรต่าง ๆ เช่น "พิณโย พิณโย พิณโย" แปลว่า ขอให้มีความสุข อุดมสมบูรณ์ โชคดีตลอดปีใหม่ (เป็นคำที่ได้จากการตีกลองยาว) เป็นวัฒนธรรมที่นาท่อมได้ยึดถือทำกันมาตลอดเกือบ 100 ปี และยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันนี้" ป้าป้อม เล่า
สำหรับ "น้องนิว" นาวสาวสุนิษา เนียมสกุล อายุ 17 ปี หนึ่งในผลผลิตจากโครงการหุ่นเงาสภาเด็กและเยาวชน ตำบลนาท่อม และผู้เชิดหุ่นเงาเรื่อง "คืนข้ามปีที่นาท่อม" บอกว่า ได้รู้จักหุ่นกับเงาครั้งแรกเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ในการเข้าร่วมโครงการกับป้าป้อม แต่หุ่นเงาในอุดมคติที่คิดไว้ คือ การใช้เงาของมือในการแสดง เกิดเป็นรูปหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น กระต่าย สุนัข เป็นต้น แต่เมื่อพี่ ๆ "กลุ่มมานีมานะ" เข้ามาฝึกสอนและให้ความรู้เกี่ยวกับหุ่นเงา ทำให้ความคิดที่มีต่อ "เงา" ในอุดมคติเดิมเปลี่ยนไป สำหรับเรื่องของการเรียนรู้การแสดง พี่ ๆ ได้แนะนำในทุก ๆ ขึ้นตอนเริ่มจากการวางโครงเรื่อง การวิเคราะห์ถึงตัวละครในเรื่อง รวมถึงบทละครที่สอดแทรกศิลปวัฒนธรรมและของดีต่าง ๆ ที่มีมาด้วยทำให้เด็ก ๆ อย่างเรา ๆ สามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ง่ายขึ้น ที่สำคัญเมื่อนำไปแสดงมีคนสนใจ รอยยิ้มเกิดขึ้น ยิ่งเกิดความภาคภูมิใจและหลงรักในหุ่นเงามากขึ้น
ด้าน "น้องบ่าว" ด.ช.นราวิชญ์ ผุดพัฒน์ อายุ 11 ปี ผลผลิตจากโครงการหุ่นเงาสภาเด็กและเยาวชน ตำบลนาท่อม ผู้พากย์หุ่นเงา เรื่อง "คืนข้ามปีที่นาท่อม" บอกว่า ดีใจที่มีโอกาสออกแสดงหุ่นเงาตามสถานที่ต่าง ๆ ตื่นเต้นทุกครั้งที่ออกแสดง สำหรับเทคนิคในการพากย์เสียงพี่ ๆ แนะนำมาว่า ต้องใช้อารมณ์ร่วมเหมือนเป็นนักแสดง แต่ใช้เงาเป็นตัวหลักในการสื่อความหมาย และสิ่งสำคัญที่นักพากย์จะต้องเรียนรู้ คือ การรอฉากหรือสถานการณ์ หากพากย์ไปก่อนแต่ฉากยังมาไม่ถึงจะทำให้ผิดคิวได้ ส่วนความพิเศษของการพากย์หุ่นเงาของที่นี่นั้นคือ การใช้ภาษาท้องถิ่น (ภาษาใต้) นับเป็นเอกลักษณ์หนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ...หลังจากการแสดงจบ เมื่อได้ยินเสียงปรบมือจากคนดูก็รู้สึกชื่นใจ รู้สึกว่าเราสามารถที่จะทำออกมาได้ดี และเต็มกับสิ่งที่ทำ และทำให้รักหุ่นเงามากขึ้น อย่างที่ป้าป้อมรัก
ทั้งหมดนี้ เป็น "หุ่นเงา" ที่เกิดขึ้นที่นี่ แม้เงาในหลาย ๆ ที่จะเป็นสีดำ ลองปรับนำเทคนิคของที่นี่ไปใช้ดูไม่แน่บางที่เงาในอุดมคติที่หลาย ๆ คนเคยรู้จักจะเปลี่ยนไปและหลงรักในสีสันของเงาเฉกเช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่นี่เป็นแน่ ป้าป้อมบอกว่า "ลองนำไปปรับใช้ดู แล้วคุณจะหลงรักเงาเหมือนป้าป้อม" แน่ ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)