ชายชุดดำ
สั่งฟ้องชายชุดดำคดีอาวุธสงคราม (ไทยโพสต์)
กองปราบฯ สรุปสำนวนสั่งฟ้องชายชุดดำ ประสพโชค แจงเป็นคดีอาวุธสงครามไม่เกี่ยวยิง พล.อ.ร่มเกล้า
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันที่ 15 กันยายน 2557 พ.ต.อ. ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ. สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีการจับกุมชายชุดดำก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชน ในช่วงการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร วันที่ 10 เมษายน 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้สอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว โดยจะสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการกองคดีอาญา
พ.ต.อ. ประสพโชค กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวน 2 แฟ้มใหญ่ รวม 775 แผ่น สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย
นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรืออ้วน อายุ 45 ปี นายปรีชา อยู่เย็น หรือไก่เตี้ย อายุ 24 ปี นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ อายุ 33 ปี นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือเล็ก อายุ 45 ปี นางปุณิกา ชูศรี หรืออร อายุ 39 ปีข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครอง และข้อหาพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
"คดีนี้ทาง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งที่ผ่านมาได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 5 คน โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนายปรีชา หรือไก่เตี้ย ที่มีภาพถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน ยืนยันนายปรีชารับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุ พร้อมกับชี้จุดที่ลงมือก่อเหตุสอดคล้องตรงกันกับคำให้การ" พ.ต.อ. ประสพโชค กล่าว
เมื่อถามว่า แกนนำ นปช. ตั้งข้อสังเกตจุดที่ตำรวจนำคนชุดดำไปทำแผนเป็นคนละจุดกับที่ พล.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต รอง ผบก.ป. กล่าวว่า คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีการสังหาร พล.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม และไม่ใช่คดีในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอยู่ โดยคดีของดีเอสไอเป็นคดีการชุมนุมและมีผู้ถึงแก่ความตาย แต่ที่ บก.ป. ดำเนินการเป็นเฉพาะคดีอาวุธสงคราม
ส่วนการติดตามจับกุมชายชุดดำตามหมายจับอีก 2 คน พ.ต.อ. ประสพโชค กล่าวว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาอีก 2 ราย ซึ่งร่วมกระทำความผิดและยังหลบหนีอยู่ ได้ส่งชุดสืบสวนประสานการทำงานร่วมกับทหารและทางตำรวจ บช.น., บช.ภ.1-9 และ ศชต. ในการสืบสวนติดตามจับกุมแล้ว หากผู้ใดมีเบาะแสของผู้ต้องหาสามารถแจ้งมายัง บก.ป. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ต่อมา พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. ได้นำสำนวนการสอบสวนจำนวน 2 แฟ้ม รวม 777 แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย รวมทั้งนายธนเดช หรือไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 39 ปี, นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี เป็น 7 ราย ในความผิดฐานร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490 และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายธัมมรัตน์ หรือ ดำ สุ่มศรี อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 8 (ถึงแก่ความตาย) มาส่งมอบให้นายกมล ธรรมเสรีกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาสั่งคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้จ่ายสำนวนไปให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เพื่อพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว โดยอัยการได้ตั้งคณะทำงานและจะกำหนดวันนัดฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ต้องหาได้อยู่ในอำนาจของศาลแล้ว โดยถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาฝากขังผัดแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา และยังสามารถฝากขังได้อีก 6 ผัด ผัดละ 12 วัน รวมระยะเวลาทั้งหมด 84 วัน โดยอัยการมีเวลาสั่งคดีได้ตามระยะเวลาฝากขัง แต่หากเมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝากขังทั้ง 7 ผัดแล้ว อัยการยังไม่สามารถทำความเห็นสั่งคดีได้ ก็จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อน และหากมีคำสั่งให้ฟ้องก็จะต้องประสานพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลอาญาในภายหลัง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
