
ขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์
จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. จวก ถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. คดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 บอกใครผิดก็ว่ากันตามผิด
วันนี้ (28 กันยายน 2557) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คชื่อ Jatuporn Prompan-จตุพร พรหมพันธุ์ ถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ออกมาเตือนสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยระบุว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาทำคดีนี้ตั้งแต่ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายถาวรเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ซึ่งข้อความทั้งหมดมีดังนี้...
"ผมขอฝากถึงนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาเตือนสำนักงานอัยการสูงสุด อย่ารับลูกจากสำนวนเดิมคดีสลายชุมนุมปี 53 ของดีเอสไอยุคนายธาริตมาเล่นต่อ ทั้ง ๆ ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ถูกแต่งตั้งเข้ามาทำคดีนี้ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ที่มีนายถาวรร่วมคณะรัฐมนตรีนั่นล่ะครับ
ผมเองก็เกี่ยวข้องในฐานะจำเลยคดีข้อหาก่อการร้าย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตร่วมกับบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย ก็เห็นว่าดีเอสไอในยุคที่คุณถาวรเป็นรัฐบาลนั้น ก็ได้ฟ้องพวกผมจนครบถ้วนทุกคดีแล้ว ไม่มีอะไรตกค้าง และมีการถอนประกันผมทุกอาทิตย์จนสุดท้ายผมต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ
ดีเอสไอได้ทำคดีแล้วเสร็จ 13 คดี และได้ชี้ว่าความตายเกิดจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศอฉ. และดีเอสไอเองก็ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยเริ่มจากปฏิทินแห่งความตายที่มี 89 ความตายจาก 21 จุด ดังนั้นการดำเนินคดีที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทางดีเอสไอเองสรุปว่าฟ้องแต่ผู้สั่งการ ไม่ฟ้องผู้ปฏิบัติ และพวกผมเองก็ชัดเจนมาตลอดว่า พวกผมที่เป็นแกนนำและหัวหน้ารัฐบาล รองหัวหน้ารัฐบาลในเวลานั้น ต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ในศาล ซึ่งปลายทางคือโทษประหารชีวิตทั้งสองฝ่าย ใครผิดก็ว่ากันตามผิด ให้กระบวนการยุติธรรมได้ตัดสิน เราจึงประกาศแต่ต้นว่า ให้นิรโทษกรรมให้ประชาชนทุกฝ่ายในทุกเหตุการณ์ทั้งหมด อย่าให้พวกเขาต้องมาเป็นภาระในคดี
เพราะฉะนั้นเรามีจุดยืนว่าต้องการใช้กระบวนการไต่สวนในศาล ได้พิสูจน์ความจริง และนี่คือที่มาของ 13 สำนวน แต่ตอนนี้คุณถาวรกลับมาในมาดใหม่ โดยจะให้ คสช.เข้ามาจัดการ มิฉะนั้นจะโดนไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ผ่านมา เรายืนมาตลอดว่าจะจัดการแค่ผู้สั่งการสองคนเท่านั้น และสู้คดีกัน แฟร์ ๆ กัน
ในหลักของข้อกฎหมาย ความตายเป็นเรื่องจริง คนบาดเจ็บกว่าสองพันก็เป็นเรื่องจริง ความสูญเสียเหล่านี้เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด คดีนี้จะได้เป็นแบบอย่างและเป็นมาตรฐานในการพิจารณาคดีในวันข้างหน้าต่อไป"






