เอ วิทิต แลต แถลงข่าวโต้ลวนลามนักศึกษา ข้องใจเหมือนถูกจัดฉาก

เอ วิทิต แลต
เอ วิทิต แลต

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เอ วิทิต แลต แถลงข่าวโต้ลวนลามนักศึกษาสาว พร้อมแจงยิบเหตุการณ์ในโรงแรม ข้องใจเหมือนถูกจัดฉาก ด้านทีมงานหนัง เศียรสยอง ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

          จากกรณีที่มีนักศึกษาหญิง 5 คน ในจังหวัดชลบุรี เข้าแจ้งความว่าถูก นายภาม รังสี ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "เศียรสยอง" และนักแสดงหนุ่ม เอ วิทิต แลต ลวงไปเทสต์หน้ากล้องที่โรงแรม ก่อนพยายามกระทำอนาจาร แต่สามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวทั้งสองคน ซึ่ง เอ วิทิต แลต ให้การแต่เพียงว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด พร้อมให้คุยกับทนายความของตนตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

          ล่าสุด (13 พฤศจิกายน 2557) ได้มีการแถลงข่าวถึงประเด็นนี้ที่ตึก GMM แกรมมี่เพลส โดย ตั้ม เชาวลิต เชื้อบางยาง เจ้าของบริษัท ถุงเงิน เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "เศียรสยอง" ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้สั่งปลด ภาม รังสี ออกจากโปรเจคท์ภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว และจะไม่ร่วมงานในโปรเจคท์อื่น ๆ อีกต่อไป ส่วน เอ วิทิต แลต ที่เป็นหนึ่งในนักแสดง ทางหนังจะลดบทบาทลง ด้าน บอย สิทธิชัย ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เศียรสยอง ก็ได้แถลงยืนยันว่าทีมงานหนังเรื่องนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ขอให้มองเป็นเรื่องส่วนบุคคล

          ขณะที่ เอ วิทิต แลต ได้ออกมาแถลงข่าวพร้อมทนายความ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ลวนลามนักศึกษาสาวตามที่ถูกกล่าวหา เพราะตนคงไม่เอาเรื่องบ้า ๆ อย่างนี้ไปแลกกับหน้าที่การงาน พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้นัดน้อง ๆ นักศึกษาไป แต่เป็นคุณภามที่นัดไปที่ร้านอาหาร เพื่อดูตัวสำหรับหนังเรื่องใหม่ที่จะเป็นแนวอีโรติก มีฉากวาบหวิว ซึ่งน้อง ๆ ก็ไม่มีปัญหา ก่อนจะพาไปเทสต์หน้ากล้องที่โรงแรมจริง ซึ่งนักศึกษาสาวก็ตกลงทำตามที่ตนและผู้กำกับอธิบาย แต่จู่ ๆ ก็มีคนตามมาเคาะประตูห้อง ทำให้ตนใจไม่ดี และหนีออกจากโรงแรมไป เพราะเกรงว่าอาจเป็นแฟนของนักศึกษาสาวมาเอาเรื่อง และไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีอาวุธหรือไม่ โดยแยกกันกับคุณภาม ต่อมาคุณภามโทร.มาบอกว่าถูกคนขับรถไล่ล่า จนเรื่องมาถึงตำรวจ และได้ตกลงยอมความกันแล้วโดยลงบันทึกประจำวันไว้

         ทั้งนี้ ตนจึงได้ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว เพื่อชี้แจงข้อมูลในส่วนของตน พร้อมเคลียร์ประเด็นต่าง ๆ เพื่อไม่ให้หลายคนเข้าใจตนผิด อย่างไรก็ดี เอ วิทิต แลต ได้ตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจมีการจัดฉาก เพราะทุกอย่างเหมือนถูกเขียนบทขึ้นมา

          ล่าสุด ร.ต.ท. สุพรชัย นีละสมิต ร้อยเวร สภ.แสนสุข กล่าวถึงความคืบหน้าคดี เอ วิทิต แลต และภาม รังสี  ลวนลามนักศึกษา ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยานครบแล้ว เบื้องต้นได้มีการตั้งข้อหา เอ วิทิต แลต และภาม รังสี ในข้อหาอนาจาร ตามมาตรา 278 ผู้ใด กระทำอนาจารแก่บุคคล อายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


สำหรับคำชี้แจงจากปากของ เอ วิทิต แลต แถลงข่าวโต้ลวนลามนักศึกษา แบบเต็ม ๆ มีดังนี้


           เอ วิทิต แลต : ตามข่าวที่ได้ทราบกันไปแล้วนะครับ ผมก็รอจังหวะให้ทางฝ่ายนู้นข่าวออกมาให้หมดก่อน เพราะถ้าผมคอยไปแก้ข่าวครั้งนึง ตอบครั้ง มันอาจจะทำให้เกิดการคลาดเคลื่อน ก็เลย ดีแล้วครับที่มากันครบ ๆ อย่างนี้ ก็จะได้ชี้แจงกันทีเดียวเลย ในวันนี้ถ้าใครมีข้อซักถามหรือข้อสงสัยอะไร ถามผมได้ทุกคำถามเลย ผมจะตอบให้หมดอย่างเคลียร์ที่สุด 

          เหตุการณ์วันนั้นคือ ตามที่ข่าวออกมาว่าผมได้ทำการอนาจารหรือล่อลวงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งทางบางแสน ซึ่งตรงนี้ผมขอปฏิเสธหมดเลยนะ ว่าไม่เป็นความจริงใด ๆ ทั้งสิ้น คือไม่ได้มีการล่อลวง ไม่ได้มีการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ ใช้อำนาจบาตรใหญ่หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เหมือนไปบังคับจิตใจของน้อง ๆ เค้า ว่าให้มาทำการอนาจาร ซึ่งอันนี้ผมขอปฏิเสธทั้งหมดนะครับ ว่าข่าวที่ออกมาเนี่ย ทำให้ผมรู้สึกเสื่อมเสียเยอะเลยทีเดียว เพราะผมเองก็อยู่ในวงการนี้มาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว ผมคงไม่เอาอาชีพการงานผม หรือชื่อเสียงของผมที่อยู่มาตั้งนานเนี่ย เพื่อมาแลกกับเรื่อง... ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบ้า ๆ นะ มันไม่สมควรอย่างยิ่ง อีกอย่างนึงผมเองก็มีครอบครัวแล้วด้วย


ที่นัดน้อง ๆ มาที่ร้านอาหารแล้วไปต่อที่โรงแรม เป็นความจริงหรือเปล่า ?

           เอ วิทิต แลต : คือพี่เนี่ยไม่ได้เป็นคนนัดน้อง ๆ นะ คือเป็นทางคุณภาม รังสี ซึ่งผมเองไม่รู้นะครับว่าเขามีการนัดแนะกันยังไง ซึ่งผมไปถึงทีหลังเนี่ย เห็นว่ามีน้อง ๆ อยู่กันอยู่แล้ว แต่เท่าที่ผมได้ฟังจากคุณภามที่ได้คุยกับน้อง ๆ นะครับ ว่าเขาจะทำการแคสติ้งหนังเรื่องใหม่ของเขา เป็นหนังประมาณหนังอีโรติก ซึ่งตรงนี้คุณภาม เท่าที่ผมฟัง เขาก็คุยชัดเจนนะ ว่าในการแคสฯ ตรงนี้ต้องทำอะไรบ้าง คุณต้องเปลื้องเสื้อผ้านะ คุณต้องอะไรอย่างนี้ ซึ่งผมก็ฟังอยู่ ซึ่งฟังแล้วทางน้อง ๆ ก็โอเคนะ โอเคพี่ไม่เป็นไร เขาก็ถามอีกว่าทำไมถึงรับได้ พวกน้อง ๆ ก็ตอบว่า โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ เขาก็โอเค ยินยอม ซึ่งนักศึกษาหรือที่เขาอ้างว่าเป็นนักศึกษา ผมเองก็ไม่ทราบนะครับว่าเขาเป็นนักศึกษาจริงหรือเปล่า ก็อายุคือบรรลุนิติภาวะกันหมดแล้ว 23-24 กันหมดแล้ว ซึ่งคุณเองก็น่าจะใช้วิจารณญาณในการฟังตรงนั้นว่าคุณโอเคหรือเปล่า คุณสามารถแบบ เฮ้ยพี่ มันไม่ใช่นะ ถ้าเกิดว่าคุณไม่โอเคก็คุณถอนตัวไปเลย แต่ว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ผมก็เห็นว่าเขาก็โอเคอยู่นะ

            หลังจากตอนนั้นเกิดขึ้นมาปุ๊บ ก็ก่อนที่จะไปที่พัก ซึ่งตอนนั้นพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก็มีทีมงานที่เขาตัดต่อหนังอยู่แล้วบางส่วน แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นก็ได้คุยกันว่า เดี๋ยวเราไปเที่ยวผับที่นู่นสักที่นึงก่อนดีไหม ไปทำความรู้จักกันก่อน แล้วมันก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ระหว่างขาไปจากร้านอาหาร คือคุณภามเขาก็ขับรถมา มีน้องคนหนึ่งนั่งกับเขา ส่วนผมก็นั่งไปกับคุณภาม แต่ผมนั่งด้านหลังคนขับ ก็มีน้องอีกคนนึงนั่งอยู่กับผม มันก็มีเหตุการณ์ ส่วนน้องที่เหลือ บางคนเขาก็มีรถส่วนตัวมา ก็ตามไปที่ผับนั้นเอง ระยะเวลาเดินทางไปถึงผับก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมา ณ ตรงนั้น แต่บางทีเนี่ย ผมก็รู้สึกเหมือนจะ... (หันไปหาทนาย)

           ทนายความ : ก็ต้องเก็บข้อมูลตรงนี้เอาไว้ก่อน เพราะถ้าหากว่ามีบางข้อมูล ซึ่งเราอาจจะยังไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลตรงส่วนนี้ได้ เพราะอาจจะกระทบต่อรูปคดี

           เอ วิทิต แลต : อะไรประมาณนั้น ซึ่งตรงนี้พี่ได้ปรึกษากับทนายแล้ว จริง ๆ พี่... เข้าใจปะ อยากพูดมากเลย แต่ในรูปของคดีด้วย



             เอ วิทิต แลต : ตรงนี้พี่บอกให้หมดเลยนะว่า ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญใด ๆ ทั้งสิ้น ระยะเวลาตรงนั้นอยู่ที่ร้านอาหารก็ 2 ชั่วโมงแล้ว คุณต้องไตร่ตรองคิดได้เองนะครับว่ามันควรจะไปหรือไม่ไป แต่คุณก็ไปอยู่นะ ก็ไปที่ผับต่อ อยู่ที่ผับ น้องบางส่วนเขาก็บอกว่าตอนเช้าเขามีธุระ ขอตัวกลับกัน ก็ไม่เป็นไร ก็จะเหลือน้อง 2 คนนี้ที่ไป ก็อยู่ด้วยตลอดนะ กว่าจะไปถึงโรงแรมก็เป็นเวลาสัก 6 ชั่วโมงแล้ว ถ้าเกิดคุณรู้สึกว่า เอ๊ะ มันแหม่ง ๆ มันไม่ใช่ มันน่าจะคิดได้แล้วช่วงนั้น แล้วอย่างที่พี่บอกว่ามันมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่พี่รู้สึกว่ามันโอเคตรงนั้น ก็ไปถึงที่โรงแรม ก็พาน้องเขาไปดูที่ห้องตัดต่อว่า น้องเห็นนักแสดงคนนี้หรือเปล่า ถ้าน้องเล่นเป็นนักแสดงคนนี้น้องเล่นได้ไหม อ๋อได้ ๆ อะไรอย่างนี้ จนกระทั่งเวลาต่อมา ช่วงที่ออกจากที่พัก คุณภามได้ไปส่งน้องอีกคนนึง ซึ่งเหตุการณ์ตรงนั้นผมไม่อยู่แล้ว เกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้นะครับ อันนี้จะพูดถึงเหตุการณ์ที่ผมอยู่ด้วยอย่างเดียว

             ผมก็ไปที่โรงแรม ก็พาน้อง 2 คนนี้ ที่อยู่ในรถตั้งแต่แรกไปที่โรงแรม สักครึ่งชั่วโมงคุณภามเขาก็กลับมา ก็มานั่งคุยกับน้องอยู่พักนึงว่า โอเค เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ น้องเล่นได้หรือเปล่า แล้วคุณภามก็พาไปที่อีกห้องนึงซึ่งเปิดไว้อยู่แล้ว น้องก็เข้าไป ก็มีผม คุณภาม และน้องอีก 2 คน ทั้งหมด 4 คน ชาย 2 หญิง 2 น้องคนที่อยู่กับผมก็อยู่กับผมมาตั้งแต่ที่นู่นแล้ว เหมือนเรามีการส่งสารอะไรกันบางอย่างว่า โอเค น้องเข้าก็โอเคกับผมนะ พอไปถึงคุณภามก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้เล่นอีกบทบาทนึง พี่เล่นเป็นคนที่ไม่ได้สติ แล้วน้องคนนี้เล่นเป็นผี อย่างที่คุยกันตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้วว่า ถ้าเกิดว่ามาปุ๊บจะต้องทำยังไงบ้าง คือน้องเขาก็ได้ทั้งหมดเลย ไม่เหลืออะไรเลยนะ คือตรงนั้นก็เป็นความยินยอมของเขานะ ไม่ได้มีการบังคับอะไรทั้งสิ้น 

              ระยะเวลาระหว่างตรงนั้นก็ประมาณ 3-5 นาที ผมได้ยินเสียงเคาะประตู ปัง ๆ ๆ ๆ ผมก็ในความรู้สึกของผู้ชายก็ "ชิ-หายแล้ว" เคาะดังมาก มีเสียงโวยวาย ในสัญชาตญาณผมก็ มีคนถามว่า "ถ้าพี่เอบริสุทธิ์ใจจริง พี่เอหนีทำไม" ชั่วโมงนั้นเขาอยู่หลังประตู ซึ่งผมไม่เห็นนะ ผมก็ไม่รู้ว่าเขามีอาวุธหรือเปล่า อีกอย่างเราก็เป็นคนที่คนรู้จักเยอะ อย่างน้อยผมถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่าไหม ผมก็เลยออกจากตรงนั้นไปทางด้านหลัง ระหว่างนั้นถ้าน้องมีการใช้ไลน์ผมต้องเห็นนะ คือผมไม่เห็นน้องเขาถือโทรศัพท์เลยนะ หากใช้โทรศัพท์มันก็ต้องมีแสงขึ้นมา พอมีเสียงเคาะประตู ผมก็ออกจากโรงแรมขึ้นรถไปเลย ไปตั้งหลักก่อน ในข่าวบอกว่ามีการไล่ล่า ผมไม่ได้โดนไล่ล่านะ ผมออกไปจากที่เกิดตรงนั้นเลย ผมแยกกับคุณภามแล้ว ผมไปจอดรถรออยู่ที่เซเว่นฯ เดี๋ยวคุณภามคงโทร.มาแน่นอนว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ต้องมาช่วยเหลือหรือมีการเคลียร์อะไรหรือเปล่า

              จากนั้นประมาณ 15-20 นาที คุณภามก็โทร.มา ผมก็ถามว่าเป็นไงบ้าง อ๋อ เขากลับกันไปแล้ว เผอิญว่าผู้ชายที่มาเคาะเขาเป็นแฟนของคนที่อยู่กับคุณภาม แต่น้องที่อยู่กับผมคือไม่มีอะไร เขาก็แยกย้ายกันกลับอีท่าไหนก็ไม่รู้ เพราะตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้ว คุณภามก็เลยปรึกษาผมว่า "พี่เอ ผมมีความรู้สึกว่าผมไม่ปลอดภัย ผมย้ายโรงแรมดีกว่า" พี่ก็ให้คำแนะนำว่า ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยจริง ๆ ย้ายโรงแรมก็โอเคนะ ระหว่างกำลังย้ายของก็ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง คุณภามก็บอกเนี่ยพี่ ผมกำลังจะออกแล้วนะ แต่มี รปภ. ของโรงแรมมาบอกทางภามว่า "พี่ ผมว่าพี่ออกทางประตูหลังดีกว่า" เพราะกลัวว่าพวกที่มีเรื่องกันอยู่มาดักรออยู่ข้างหน้าจะมีปัญหา อีกประมาณสัก 10 นาทีต่อมา ผมขับรถจะกลับกรุงเทพฯ แล้ว เพราะคิดว่าเหตุการณ์คงไม่มีอะไรแล้ว คุณภามโทร.มา "พี่เอ ๆ ผมโดนไล่ล่า"



               เอ วิทิต แลต : คุณภามโทร.มา "พี่เอ ๆ ผมโดนไล่ล่า ผมโดนรถตาม ไม่รู้มีอะไรรึเปล่าพี่ มันเบียดผมจะเอาให้ตกถนน" ผมบอกภามให้มีสตินะ ขับเข้าไป สน. เลย สน. ที่ใกล้ที่สุด ตรงไหนก็ได้ ขับเข้า สน. ไปก่อนเลย มันไม่รู้จริง ๆ นะ ว่าด้วยความอาฆาตแค้นหรือว่าด้วยการที่ฝ่ายหญิงไปบอกฝ่ายชายว่ายังไงเราไม่รู้นะ เพื่อเอาตัวเองรอด หรืออะไรก็ไม่รู้ อาจจะต้องมีปัญหากันตรงนี้ หรืออาจจะมีอาวุธปืนขึ้นมา ซึ่งทางเราที่เคยประสบมา ทางชลบุรี ทางบางแสนค่อนข้างที่จะ คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง โดยข่าวที่เราเคยได้ยินมา เราก็ต้องกลัวไว้ก่อน 

              ผมก็บอกภาม ตั้งสติหน่อย หาสถานีตำรวจให้ได้ รถผมมี GPS ก็ให้นำทางไป สน.ชลบุรี ภามเขาก็ไม่มี สักพักนึงภามโทร.มา "พี่เอ ผมโดนแล้ว" คือมันเลี้ยวผิด เลี้ยวเข้าตลาดสด คือจบเลย ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ฟังจากน้ำเสียง น่าจะมีผู้ชายหลายคนอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะโดนอะไรบ้าง ส่วนผมขับรถถึงโรงพักแล้ว ตอนประมาณตี 2 ก็เข้าไปเจอตำรวจ ผมก็บอก "พี่ น้องผมมีเรื่อง อยู่ตลาดใหม่ชลบุรี เดี๋ยวยังไงพี่รบกวนตามผมด่วนเลยนะ" แต่ผมออกไปก่อนแล้ว ก็ไปถึงที่เกิดเหตุ เห็นว่ารถของคุณภามจอดอยู่ มีรถของคู่กรณีเบียดไม่ให้ไปไหน ยึดกุญแจของคุณภามเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ายังไม่มีเหตุการณ์ที่ทำร้ายหรืออะไรขึ้นมา แต่ก็เหมือนเตรียมพร้อมแล้ว

             ผมก็เลยเข้าไปคุยกับน้อง ๆ ว่า เอางี้ดีกว่า เคลียร์กันได้ไหม "ผมไม่เคลียร์ ผมไม่จบ งานนี้ผมไม่จบ" เอาเป็นว่าเราไปคุยกันที่สถานีตำรวจไหม ตรงนี้เป็นตลาดสด คนก็เยอะ ถามว่าอายคนไหม อายคน เขาก็จะถ่ายโซเชียลแคมละ แสดงใหญ่มาก คือตรงนี้ผมเข้าใจผู้หญิงนะ ผมคิดได้ 2 อย่าง จากตอนแรก ถ้าแฟนเขาไม่มาเคาะ มันจะเป็นอีกเรื่องนึง แต่ด้วยความต้องโพรเทคท์ตัวเอง โยนขี้ให้ทางฝั่งพี่เลย "หนูโดนล่อลวงมา" ก็เป็นอย่างที่ข่าวที่ออกมา ทีนี้เราก็ไปที่สถานีตำรวจ ผมก็ขึ้นรถ "เฮ้ย พี่จะหนีเหรอ" ผมบอก เฮ้ย พี่ไม่ได้หนี เอางี้ดีกว่า เพื่อความสะบายใจของน้องนะ เดี๋ยวพี่จะให้ทางตำรวจขับรถพี่ไป พี่นั่งไปกับตำรวจโอเคปะ 

            ก็ไปถึงสถานีตำรวจชลบุรี แต่เหตุการณ์ที่เกิดมันเกิดที่บางแสน เราต้องไปที่เกิดเหตุ ก็ต้องไปที่ สน.แสนสุข รถตำรวจเขาก็พาพี่ไปส่งที่แสนสุข พอไปถึงเขาก็กันพี่กับคุณภามไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนคู่กรณีมาปุ๊บก็ให้ปากคำ ลงบันทึกประจำวันกันไป นั่งอยู่สักครึ่งชั่วโมง ประตูเปิด นักข่าวมาจากไหนไม่รู้ ประมาณ 3-4 คน ก็ถ่ายรูป เป็นเหตุดังอย่างภาพที่เห็น ที่พี่บอกว่า เฮ้ยน้อง เดี๋ยวค่อยคุยกับทนายก่อนนะ ว่าเรื่องมันเกิดขึ้น มันเป็นยังไงอะไรยังไง ก็ใช้เวลาในการสอบสวนผมประมาณชั่วโมงครึ่ง ผู้หญิงก็กลับ ทางพี่ตำรวจก็เข้ามาหาพี่ ยื่นกุญแจรถให้พี่ "พี่กลับได้แล้วครับ" ผมก็เฮอะ ตกลงยังไงล่ะ แล้วจะไม่คุยอะไรกับพี่้บ้างเลยเหรอว่าอะไรเกิดขึ้น พี่ตำรวจเขาก็บอกว่ายังไม่รู้จะตั้งข้อกล่าวหาว่ายังไง มันยังไม่มีมูล ยังไม่มีอะไรเลย ซึ่งมันต้องทำการสอบปากคำอีกหลายปาก เพราะเหตุการณ์มันเยอะมาก ผมก็เลยให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผมไว้กับเบอร์โทรศัพท์ว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้โทร.หาพี่ อย่างข่าวที่ออกมาว่าพี่โดนตำรวจรวบ ก็ไม่มี



หลังจากจบกันไปแล้ว ทางนักศึกษาเขาได้มีติดต่ออะไรเข้ามาไหม ?

               เอ วิทิต แลต : ไม่มี ๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้นเลย พอตอนนี้มันเป็นเรื่องกระบวนการทางกฎหมายแล้ว พี่ก็จะให้ทางพี่ทนายเขาเป็นคนจัดการแล้ว พี่ก็จะเป็นคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ ยังเหมือนเดิม

มีการตั้งข้อกล่าวหา ลงบันทึกประจำวันอะไรไหม ?

               เอ วิทิต แลต : ลงบันทึกประจำวันมี แต่การตั้งข้อกล่าวหายังไม่มี เพราะทางพี่ตำรวจเขาก็เปิดบุ๊กเหมือนกันนะว่าจะตั้งข้อกล่าวหายังไงดี คือมันก็ไม่มีอะไรที่มันเข้าข่าย อายุก็เกิน 20 กันแล้ว มันเป็นการให้ปากคำอย่างเดียวเลย ต้องใช้ระยะเวลา ทางตำรวจเขาก็ให้ไปตรวจร่างกาย ก็ต้องใช้เวลาสัก 20-30 วัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีว่าจะมีการสั่งฟ้อง ตั้งข้อหาหรือเปล่า ซึ่งพี่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว พี่ให้ทางพี่ทนายเขาเป็นคนดูแลตรงนี้ไป

               มันมีข้อคิดให้พี่ได้ 2 อย่าง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ อันนี้คือความคิดเห็นของพี่เองนะ ไม่ได้มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง คือความรู้สึกของพี่เอง ว่าผู้หญิงที่เขาทำอย่างนี้เพราะว่าแฟนเขาเข้ามาโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอย่างนี้อยู่ เขาก็ต้องโพรเทคท์ตัวเอง เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องกับแฟน หรืออาจจะโดนแฟนอ่วมอะงานนี้ ก็ต้องโยนมาทางพี่ทั้งหมดเลย อะไรที่มันไม่ดีมันต้องโยนมาทางนี้อยู่แล้ว สอง อันนี้พี่ก็มองได้อยู่นะว่ามันเซตอัพหรือเปล่า แต่เดี๋ยวผมพูดไปอาจจะเป็นการพาดพิงใคร เดี๋ยวจะไม่ดีอีก แต่มันทำให้พี่คิดได้นะ เพราะทุกอย่างมันแบบว่า มันเหมือนเขียนบทมาเลย และในกรณีที่เขาบอกว่าพี่โดนรวบโดนอะไร อันนั้นไม่มีเลย จริง ๆ ถ้าพี่เห็นแก่ตัวอีกนิดนึงนะ พี่จะทำอย่างที่พี่บอกอะ คือพี่ไปคุยโทรศัพท์แล้วพี่ไม่กลับมา แต่ถ้าเกิดว่าคุณภาม เราก็ไม่รู้ว่ามันมีปืนหรือเกิดโดนยิงตายเนี่ย พี่เป็นตราบาปไปตลอดชีวิตเลยนะ ถ้าพี่ไม่กลับไปช่วย ช่วงนี้คุณภามเขาก็ติดต่อไม่ได้

จะมีฟ้องเขากลับไหม ?

               เอ วิทิต แลต : ไม่อะครับ ตรงนี้เดี๋ยวพี่ให้ทางพี่ (ทนาย) เขาดูให้ดีกว่านะ ถ้าใจพี่อะนะ พี่อยากจะแบบพูดให้หมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น จริง ๆ แต่บางทีมันจะเสียรูปไง 

กระบวนการทางกฎหมายจะเป็นยังไงต่อ ?

               ทนาย : ต้องเรียนสถานภาพของทางคดีก่อนนะครับว่า ณ ปัจจุบัน ทางคุณเอกับคุณภามยังไม่ได้ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหา เพราะทางพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ว่าเรื่องที่ผู้เสียหายมาแจ้งความมีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน

               เอ วิทิต แลต : มีบางคนถามพี่ว่าเป็นการโปรโมทหนังหรือเปล่า พี่ว่าไม่ใช่มั้ง ใครจะมาอย่างพี่ บางส่วนที่พี่ไม่อยู่พี่ก็ไม่กล้าพูดนะ เพราะคุณภามเป็นคนตกลงอยู่คนเดียว เป็นคนติดต่อทางน้อง ๆ มา ซึ่งพี่ไม่รู้ตรงนี้ เดี๋ยวพี่พูดไป เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นมันจะกลายเป็นว่าพี่พูดเข้าข้าง คือที่พี่พูดทั้งหมด อันไหนที่พี่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยคืออันนั้น แต่นอกเหนือจากนั้นพี่ก็ไม่รู้ เดี๋ยวพูดไปก็กลายเป็นอีกเรื่องนึงอีก แต่ข่าวที่ออกมาว่าพี่เอโดนรวบ พี่เอโดนไล่ล่า คือไม่อะ และพี่รู้เลยนะว่าการที่พี่กลับมาช่วยภามเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตพี่ แต่ว่ามันต้องกลับมา บ้านพี่บึ้มแน่นอน แต่กำลังใจจากภรรยาพี่เนี่ย เขาบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ความจริงมันก็คือความจริง ถ้าเกิดพี่เอทำจริงก็ต้องพูดไปตามความจริง ถ้าเกิดพูดไม่หมดหรืออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มันจะทำให้คิดได้หลายแบบ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันออกมาจากปากพี่โดยตรง และพี่ก็เป็นสุภาพบุรุษพอว่าอะไรคืออะไร อะไรเกิดก็คือเกิด อะไรไม่ได้เกิดก็ไม่ได้เกิด พี่พูดความจริงทั้งหมด



               เอ วิทิต แลต : ข่าวหรือการฟังข่าวจากทางนี้ คือฟังจากด้านเดียวหมดเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ออกมาพูดว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นมันคืออะไร เราก็เข้าใจว่าน้องเขาเป็นนักศึกษา น้องเขาเป็นผู้หญิง เราก็ไม่อยากจะไปพาดพิง แต่บางเรื่องเนี่ย ถ้าไม่พาดพิงหรือถ้าไม่กล่าวถึงมันไม่ได้ เพราะมันจะทำให้พี่ดูแย่มากเลย พี่ถึงต้องออกมาโพรเทคท์ตัวเองเหมือนกันน่ะครับ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันเป็นยังไง ซึ่งที่น้องเขาให้สัมภาษณ์มาเนี่ย มันก็จริงนะ แต่บางทีเขาพูดไม่หมดอะ พี่้ค่อยมาเติมช่องว่างให้เขาที่เขาไม่พูด เพราะอันไหนที่เขาทำแล้วเขาดูไม่ดีเขาก็ต้องไม่พูดอยู่แล้ว แต่พี่จะมาเติมอะไรที่มันแปร่งไป ที่มันหายไปอะไรแบบนี้ เพราะจริง ๆ มันทำให้มองได้อีกแบบนึงไปเลยนะ พี่ก็เลยต้องออกมาพูดตรงนี้

เหตุการณ์นี้ส่งผลกับครอบครัวไหม ?

               เอ วิทิต แลต : มันส่งผลอยู่แล้วครับ แน่นอน แต่ว่ากล้าทำต้องกล้ารับอะ เรื่องทางบ้านพี่ไม่เป็นไรพี่เคลียร์เอง แต่ไอ้ตรงนี้มันเป็นปัญหาสังคม พี่ต้องเคลียร์ตัวเอง เพราะถ้าเกิดว่าออกไปแล้วเป็นอย่างที่กล่าวหา พี่จะยืนอยู่ในนี้ไม่ได้แล้ว

มีกระแสว่า เล่นเป็นบทร้าย ตัวจริงก็เป็นแบบนั้น รู้สึกยังไง ?

               เอ วิทิต แลต : ก็นั่นแหละคนไม่รู้จักพี่ เอาคนที่เคยรู้จักพี่ดีกว่า คือก็จะรู้นะว่าพี่นิสัยยังไง และอีกอย่างคือสมัยนี้แล้วคุณน่าจะแยกแยะออกนะครับว่า บทบาทที่เราเล่นในละครหรือในหนังอะไรก็แล้วแต่ นั่นคือตัวละครที่เราสวมบทบาทที่เล่นเป็นเขา แต่ตัวจริง ๆ พี่เนี่ย เป็นอย่างนี้ โอเคอาจจะเป็นคนโผงผางหน่อย แต่พี่เป็นคนพูดตรงและลูกผู้ชายพอ อีกอย่างที่อยากจะฝากไว้ ถ้าว่ากันตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว ถ้าพี่ผิดจริงพี่ก็ยอมรับว่าเราผิด แต่ตรงนี้ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายเขาตัดสินว่าเป็นอย่างไร

              ตอนนี้พี่เองก็ต้องกราบขอโทษกับทุก ๆ ท่าน กับแฟนละคร แฟนที่ติดตามผลงานพี่มา พี่เองก็ผิดอะนะ คือทำให้ดูไม่ดี เป็นคนที่มีครอบครัวแล้วมาทำตัวอะไรแบบนี้ ก็พี่ก็เป็นคนอะครับ ต้องขอโทษด้วย และที่ผมต้องขอโทษที่สุดก็คือภรรยาผมเองนี่แหละครับ

เรื่องจะถูกลดบทบาทในหนัง ?

               เอ วิทิต แลต : เราก็ต้องยอมรับสภาพนะ เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ได้ส่งผลแค่พี่ บางทีมันเป็นภาพลักษณ์ของหนัง ของบริษัท เราก็ต้องยอมรับครับ ในเมื่อเราทำแล้ว แต่ว่าผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ความจริงมันก็คือความจริง อะไรผิดอะไรถูก เราอาจจะผิดในส่วนของที่บอกไป แต่ไอ้เรื่องนี้พี่พูดเลยว่าพี่ไม่ผิดอะ พี่มั่นใจ


***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 01.47 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2557




เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต

เอ วิทิต แลต แถลงข่าว

ทีมงานหนัง เศียรสยอง

ทีมงานหนัง เศียรสยอง ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ทีมงานหนัง เศียรสยอง

ทีมงานหนัง เศียรสยอง

ทีมงานหนัง เศียรสยอง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
       ไนน์เอ็นเตอร์เทน





เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอ วิทิต แลต แถลงข่าวโต้ลวนลามนักศึกษา ข้องใจเหมือนถูกจัดฉาก อัปเดตล่าสุด 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:08:53 92,249 อ่าน
TOP
x close