หญิงแคนาดาปล่อยศพสามีเน่าคาเตียงกว่า 6 เตือน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก cut2thetruth.
หญิงแคนาดาปล่อยศพสามีเน่าคาเตียงกว่า 6 เตือน เชื่อพระเจ้าจะช่วยได้ ให้ครอบครัวร่วมสวดอ้อนวอนให้ฟื้นคืนชีพ สุดท้ายความลับถูกเผยหลังเจ้าหน้าที่เข้ามายึดบ้านที่จำนองไว้
วันที่ 2 ธันวาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องสยองเคล้าโศกสลดของครอบครัววาลด์ จากเมืองแฮมิลตัน รัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา เมื่อนางเคลลิง วาลด์ วัย 50 ปี ทำใจไม่ได้และไม่ยอมรับกับการจากไปของสามี นายปีเตอร์ วาลด์ วัย 51 ปี ที่เสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เธอยังเก็บร่างของเขาไว้บนเตียงในห้องนอน ปิดประตูหน้าต่างสนิท และพาครอบครัวสวดอ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา
เรื่องดังกล่าวแดงขึ้นในเดือนกันยายน หลังนายเจ้าหน้าที่อำเภอเข้าไปตรวจดูบ้านของครอบครัววาลด์ ที่จะต้องถูกยึดเพราะนำไปจำนองไว้ เมื่อนางเคลลิงเปิดประตูห้องนอนออกเพื่อจะนำร่างของสามีย้ายออกไปด้วย กลิ่นสาบของซากศพก็โชยออกมาจนเจ้าหน้าที่รู้สึกผิดสังเกต จึงเข้าไปตรวจสอบ และก็ได้พบกับความสยองที่ซุกซ่อนไว้ ร่างของนายปีเตอร์เปื่อยเน่าจนจำสภาพเดิมไม่ได้ เท้าของศพโผล่ออกมานอกผ้าห่มที่ห่อหุ้มพันตัวเขาไว้โดยมีเทปกาวยึดไว้อีกทีหนึ่ง ส่วนสภาพของห้องนั้น ประตูหน้าต่างและช่องลมถูกอุดสนิท เพื่อป้องกันกลิ่นเล็ดลอดออกมา นอกจากนี้รถแวนของครอบครัวที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้าน ก็เต็มไปด้วยปากกาเมจิกเขียนถ้อยคำแสดงความเชื่อมั่นต่อพระเจ้า บ่งบอกถึงความศรัทธาและเคร่งศาสนาของครอบครัว
นางเคลลิงให้การว่า สามีของเธอที่มีโรคเบาหวานประจำตัวเกิดมีแผลอักเสบที่ขาซ้าย แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ โดยเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยรักษาเขาให้ดีขึ้นได้ จนอาการทรุดลงเข้าขั้นโคม่าในเดือนมีนาคม ระหว่างนั้นเธอยังนอนบนเตียงข้างกายเขาตามปกติ จนอีกหลายวันต่อมาจึงได้สังเกตว่าว่าสามีตัวอืดบวมและร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว แต่เธอก็ตัดสินใจปิดห้องไว้มิดชิด แล้วให้ลูก ๆ 5 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 11-22 ปี และญาติอีก 2 คน ที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน คอยสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าทุก ๆ วัน หวังว่าจะช่วยให้สามีฟื้นคืนชีพได้
ด้านเพื่อนบ้านให้การว่า รู้สึกว่านายปีเตอร์ได้หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ๆ และในช่วงเวลาระหว่างนั้นพฤติกรรมของคนในครอบครัววาลด์ก็แปลกไป มีคนเคยเห็นพวกเขาใส่ชุดคลุมสีดำออกมาเต้นและร้องเพลงสวดร่วมกันอยู่หลังบ้าน ตรงหน้าต่างห้องนอนก็เห็นแมลงวันมาบินตอม บางครั้งก็มีนกบินไปเกาะเอาจะงอยปากจิกกระจก อย่างไรก็ดีเพื่อนบ้านหลังติดกันระบุว่า ถึงเหตุการณ์ซ่อนศพจะน่าตื่นตระหนก แต่ตนก็รู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กล่าวลานายปีเตอร์ เพราะตอนเขายังมีชีวิตก็เป็นคนมีน้ำใจ ทั้งช่วยเพื่อนบ้านตัดหญ้า และช่วยซ่อมจักรยานของเด็ก ๆ ให้
ทั้งนี้ ศาลตัดสินให้นางเคลลิงมีความผิดฐานกระทำการอันเสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายต่อเพื่อนบ้าน โดยลงโทษให้คุมประพฤติ 18 เดือน พร้อมเข้ารับคำปรึกษาจากนักบำบัด
