x close

รองปลัดฯ ยุติธรรม ร่อนจดหมายถึงสื่อ ลั่นยินดีโดนเด้ง ! ยันไม่มีทางประพฤติชั่ว


นายธวัชชัย
นายธวัชชัย ไทยเขียว

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ธวัชชัย ไทยเขียว

             นายธวัชชัย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ส่งสารถึงสื่อ แจงเรื่อง การใช้ตำแหน่งตัวเองประกันตัว นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ  บอกยินดีหากโดนเด้ง ลั่นหัวเด็ดตีนขาด ไม่มีทางประพฤติชั่ว หรือ หาประโยชน์จากการเป็นข้าราชการ

             เมื่อวันที่  26 มกราคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ส่งข้อความชี้แจงมายังสื่อมวลชน กรณีที่กลุ่มสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรรมาธิการยุติธรรมฯ สนช. ให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน และเรียกร้องให้โยกย้าย นายธวัชชัย ที่ใช้ตำแหน่งประกันตัว นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยให้เหตุผลถึงการใช้ตำแหน่งตัวเอง ในการยื่นประกันตัว นายศุภชัย เพราะรู้จักกันมานาน ซึ่งรายละเอียดการชี้แจงของ นายธวัชชัย มีรายละเอียดดังนี้

นายธวัชชัย

             เรียน สื่อมวลชน และเพื่อน ๆ ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย...!!!

             "ข้อเท็จจริงในการใช้ตำแหน่งประกันตัว คุณศุภชัย ศรีศุภอักษร"

             ตามที่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ร้องเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรรมาธิการยุติธรรมฯ สนช. และหรือเดินทางเพื่อมาพบข้าพเจ้า ที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีการประกันตัวอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น คุณศุภชัย ศรีศุภอักษร นั้น ข้าพเจ้ารายงานข้อเท็จจริง ดังนี้

             1. ความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้า กับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร

             ข้าพเจ้ารู้จัก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร มาเกือบ 30 ปี ตั้งแต่ก่อนเข้ารับราชการ โดยข้าพเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนในฐานะหัวหน้าโครงการผู้มีรายได้น้อยในเขตเมือง ซึ่งเข้าไปดำเนินโครงการในเคหะชุมชนคลองจั่น โดย คุณศุภชัย เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เขตบางกะปิ และเป็นประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนคลองจั่น อีกทั้งข้าพเจ้าเคยเป็นผู้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมถึงเคยเป็นคณะกรรมการสหกรณ์ในระยะแรก ๆ แต่หลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงรู้จักสหกรณ์และกรรมการสหกรณ์ในอดีตเป็นอย่างดี

             รวมทั้งได้มีส่วนร่วมกันในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกองทุนยา ดำเนินกิจกรรมด้านเยาวชนในชุมชน และอื่น ๆ รวมทั้งได้มีการช่วยเหลือเกื้อกูลในฐานะเพื่อนที่เคารพนับถือเสมือนญาติที่ดีตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง คุณมณฑล คุณยุพิณ กันล้อม คู่กรณีของคุณศุภชัย และกรรมการคนอื่น ๆ ที่ทำงานเพื่อสังคมด้วยกันมา

             อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์วิกฤตสหกรณ์ ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นสมัยที่ คุณมณฑล กันล้อม เป็นประธานฯ เพื่อต้องการนำเงินไปซื้อรถยนต์ส่วนตัวคันที่ใช้ในอยู่ปัจจุบัน

             ดังนั้น การที่ คุณศุภชัย ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษและถูกยึดทรัพย์โดยสำนักงาน ปปง. นั้น ข้าพเจ้าไม่เคยไปยุ่งเหยิง แทรกแซง หรือโทรไปเพื่อขอความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกใด ๆ เพื่อให้ คุณศุภชัย ได้พ้นผิดทั้งสิ้น เว้นแต่ในวันไปประกันตัวได้ประสานเวลาในการเดินทางที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้นักวิชาชีพที่มีจริยธรรมในกระทรวงยุติธรรมเราไม่นิยมกระทำกัน จะมีเพียงแต่เคยแสดงความเห็นในการประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น เป็นประธาน 

             ในช่วงที่เริ่มจะมีการดำเนินคดีด้วยความเป็นห่วงสมาชิกและสหกรณ์ฯ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษสมัยนั้นมักนิยมจะแถลงข่าวในคดีต่าง ๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าในคดีเกี่ยวกับสถาบันการเงินไม่ว่าเป็นสถาบันการเงินใด ๆ หากมีการแถลงข่าวจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกของสมาชิกทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ไม่ส่งเงินสมาชิกประจำเดือนและรวมไปถึงผู้ที่กู้เงินสหกรณ์ก็จะฉวยโอกาสไม่ส่งเงินกู้ ท้ายที่สุดสหกรณ์ก็จะล้มสลายเท่านั้น ปัจจุบันสถานการณ์ก็เป็นอย่างที่ข้าพเจ้าได้ตั้งข้อสังเกตและเสนอความเห็นไว้ ส่วนการจะดำเนินคดีกับคนกระทำผิดก็ดำเนินการไปอย่างเต็มที่ไม่ควรละเว้น

             ฉะนั้น การที่ข้าพเจ้าไปประกันตัว คุณศุภชัย ก็ในฐานะเป็นคนที่รักและเคารพนับถือกันมายาวนานเสมือนญาติ ส่วนกรณีที่ คุณศุภชัย ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด คุณศุภชัย ต้องไปต่อสู้คดีพิสูจน์ในชั้นศาลเอาเอง และหากเป็นผู้กระทำความผิดจริง คุณศุภชัย ก็ต้องรับโทษตามตัวบทกฎหมายที่ศาลมีคำพิพากษา

             การใช้ตำแหน่งประกันตัวเช่นนี้ หากมีเพื่อนของข้าพเจ้า คนใดในอนาคตเดือดร้อนไม่สามารถช่วยตนเองได้ ข้าพเจ้า ก็ช่วยทุกคน แต่จะไม่มีทางช่วยทำให้คนผิดเป็นถูกอย่างเด็ดขาด แม้แต่บุคคลนั้นจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือลูกเมีย ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในหมู่ญาติพี่น้องของข้าพเจ้า

             2. การดำเนินการของข้าพเจ้าในฐานะเป็นนักบริหารงานยุติธรรมได้คิดไตร่ตรองก่อนที่จะตัดสินใจถึงผลกระทบและผลดีผลเสียก่อนแล้วดังนี้

             2.1 ข้าพเจ้ายึดหลักการสำคัญหลักการในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา 

             รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติว่า “ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด” หลักการดังกล่าวเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาที่ให้สันนิษฐานว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือดำเนินคดีอาญานั้น ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แม้จะถูกควบคุมหรือคุมขังระหว่างรอการสอบสวนหรือพิจารณา จากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม

             ไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวนกระบวนการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการและระหว่างการพิจารณา หรือพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วแต่กรณี จากหลักการดังกล่าว ส่งผลให้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติกฎหมายรองรับถึงสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่อยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี เช่น สิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราว สิทธิในการพบและปรึกษากับทนายความสองต่อสอง และสิทธิได้รับการช่วยเหลือจากรัฐเมื่อถูกดำเนินคดีอาญา และสิทธิอื่น ๆ

             ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ก็ได้ออกมาตรการและเครื่องมือมารองรับหลักของรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว ด้วยการจัดตั้งกองทุนยุติธรรม โดยเฉพาะรัฐบาลปัจจุบันก็เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนด้วยการผลักดันยกระดับกองทุนยุติธรรมให้เป็นนิติบุคคล โดยการออกเป็นพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมยังมีนโยบายในการแสวงหาเครื่องมือมาเสริมมาตรการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อป้องกันผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือไม่ยุ่งเหยิงกับพยาน และมิให้เป็นภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ด้วยการควบคุมผู้ต้องโทษโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic monitoring) มาใช้ในกระบวนการก่อนการพิจาณาคดีของศาล คือ เสริมมาตรการปล่อยตัวชั่วคราว เป็นต้น

             โดยมาตรการดังกล่าวนี้ มิได้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการนำมาใช้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น และข้าพเจ้าก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว จึงมีความเข้าใจในปรัชญาแนวคิดและเจตนารมณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี ซึ่งการที่ข้าพเจ้าไปประกันตัว คุณศุภชัย ก็เป็นไปตามกรอบแนวนโยบายดังกล่าวด้วยเช่นกัน

             นอกจากนี้ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ก็ออกหลักการรองรับหลักรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ตำแหน่งบุคคลเป็นหลักประกัน ในการขอประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้วแต่กรณี มิได้กำหนดหรือข้อห้ามว่าข้าราชการของส่วนราชการใด ห้ามใช้ตำแหน่งราชการไปขอประกันตัว มีเพียงแต่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐ มิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พ.ศ. 2542 ข้อ12 (5) ว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด เป็นผู้ประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยใช้หลักทรัพย์หรือสถานะของการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ"

             ในชั้นพนักงานสอบสวนพนักงานอัยการ หรือศาลในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาผลิตนำเข้า ส่งออกจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด หรือในข้อหามีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 1 หรือประเภท  2 เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด อันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เว้นแต่การกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น การกระทำกับบุคคลซึ่งเป็นสามีหรือภริยา บุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใด ๆ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นส่วนคดีฐานความผิดอื่น ๆ ก็มิได้มีข้อห้ามแต่ประการใด

             2.2 ข้าพเจ้ามิได้มีหน้าที่ความรับผิดชอบกรมสอบสวนคดีพิเศษ

             กรมสอบสวนคดีพิเศษที่ข้าพเจ้ารู้จักก็ในฐานะเป็นฝ่ายเลขานุการฯ ในการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมที่จัดทำโครงสร้างและกฎหมายของทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้โครงสร้างและกฎหมายของทุกส่วนราชการเป็นอย่างดี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 แต่ข้าพเจ้า ไม่เคยรับราชการ หรือเป็นผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มภารกิจที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือคณะอนุกรรมการฯ ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้งสิ้น และนับตั้งแต่มีการดำเนินคดีนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว หรือขอร้องให้มีการช่วยเหลือด้านคดีใดๆ เลย ดังกล่าวข้างต้น

             การรับราชการข้าพเจ้า ในเรื่องจริยธรรม ข้าพเจ้าฯ ยึดมั่นและยึดถือในฐานะนักบริหารงานยุติธรรมมาชั่วชีวิต หากพิจารณาเห็นว่าการที่ข้าพเจ้าฯ เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งแม้มิได้เป็นหัวหน้ากลุ่มภารกิจที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ ในเชิงจริยธรรมแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควรที่จะเอาตำแหน่งหน้าที่ไปประกันตัว ก็เท่ากับว่าข้าราชการตำรวจ อัยการ และศาล ซึ่งก็ล้วนเป็นข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยทั้งหมดทั้งสิ้น ก็จะไม่สามารถเอาตำแหน่งหน้าที่ราชการไปประกันตัวใคร ๆ ได้เลยเพราะอาจไม่เหมาะสมในมิติจริยธรรมตามผู้ร้องเห็นว่าไม่เหมาะสมดังกล่าวข้างต้น ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าข้าพเจ้าใช้สิทธิดังกล่าวตามที่กฎหมายให้สามารถกระทำได้

             2.3 การพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวเป็นดุลพินิจของศาล ข้าพเจ้าไม่สามารถไปก้าวล่วงได้

ศาลยุติธรรมได้มีการออกหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจก่อนที่จะวินิจฉัยสั่งในคำร้องขอประกันตัวว่าควรจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตดังนี้

             (1) ความหนักเบาแห่งข้อหา

             (2) พยานหลักฐานที่ปรากฏแล้วมีเพียงใด

             (3) พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร

             (4)  เชื่อถือผู้ขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด

             (5)  ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่

             (6)  ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีหรือไม่ เพียงใด

             (7)  คำคัดค้านของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการโจทก์หรือผู้เสียหาย แล้วแต่กรณี

             (8)  ข้อเท็จจริงหรือรายงานหรือความเห็นของเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการนั้น

             ดังนั้น หลักประกันหรือการใช้ตำแหน่งประกันตัวของข้าพเจ้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของหลักเกณฑ์ ที่ศาลใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยสั่งคำร้องขอประกันตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากน้ำหนักจะไปอยู่ในประเด็นผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่ และภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีหรือไม่เพียงใด ซึ่งในประเด็นนี้จึงรวมถึงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหรือไม่ด้วย

             ฉะนั้น การที่ศาลพิจาณาปล่อยตัวชั่วคราว คุณศุภชัย และกำหนดเงื่อนไขในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว ก็เป็นดุลพินิจของศาลที่ยึดตามหลักรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถไปก้าวล่วงได้

              2.4 การประกันตัว ไม่มีผลต่อการช่วยให้ คุณศุภชัย พ้นจากการกระทำความผิด หรือทำให้คดีล่าช้า

             การปล่อยตัวชั่วคราวนั้น นอกจากเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คุณศุภชัยในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้มีโอกาสรวบรวมหลักฐานในการต่อสู้คดีได้มากกว่าการที่นำตัวไปถูกควบคุมตัวในระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดีเท่านั้น
 
             ดังนั้น การที่ คุณศุภชัย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จึงมิได้เป็นส่วนที่จะไปช่วยให้ คุณศุภชัย พ้นผิดแต่ประการใด รวมถึงมิได้ทำให้ผู้เสียหายหรือสมาชิกได้รับเงินเร็วหรือช้า หรือจะทำให้ไม่ได้รับเงินคืนหรือส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้าหรือเร็วขึ้นแต่ประการใด เพียงแต่อาจไม่ถูกใจผู้เสียหายหรือสมาชิกที่ต้องการให้ คุณศุภชัย ได้รับการควบคุมตัวในเรือนจำเสีย ตั้งแต่ในชั้นสอบสวนและพิจารณาคดีของศาลซึ่งก็ไม่เป็นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หรือนโยบายของกระทรวงยุติธรรมที่จะดำเนินการดังกล่าวข้างต้นที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น

             อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงยุติธรรมเห็นว่าการกระทำของข้าพเจ้า แม้กฎหมายให้สามารถกระทำได้แต่หากกระทรวงยุติธรรมพิจารณาในมิติเชิงจริยธรรมแล้ว อาจทำให้กระทรวงยุติธรรมเกิดความเสียหายในส่วนของข้าพเจ้า ในฐานะนักบริหารงานยุติธรรมและนักอาชญาวิทยาก็จำเป็นต้องรักษาหลักการตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้สันนิษฐานว่า “ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือดำเนินคดีอาญานั้น ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด ให้ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่” ดังกล่าว และสมควรต้องได้รับสิทธิในการในการปล่อยชั่วคราวตามกฎหมายเพื่อมาต่อสู้คดี เมื่อผนวกกับความเป็นเพื่อนที่เคารพนับถือกันมานานนับสิบ ๆ ปี ซึ่งนิสัยข้าพเจ้าและครอบครัวไม่เคยทิ้งเพื่อน แต่จะไม่มีทางช่วยคนกระทำความผิดไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย

             ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริหารมีทางเลือกได้อย่างสบายใจ และข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่จะน้อยเนื้อต่ำใจหรือติดค้าง และเคารพในการตัดสินใจของผู้บริหาร โดยข้าพเจ้ายินดีที่จะเลือกแสดงความรับผิดชอบด้วยการรักษากระทรวงยุติธรรม และหลักการดังกล่าว โดยขอให้พิจารณาย้ายข้าพเจ้าออกจากการเป็นผู้บริหารกระทรวงฯ ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปอยู่ในตำแหน่งที่เห็นว่าเหมาะสม และไม่อยู่ในสถานะที่จะสร้างความเสียหายแก่กระทรวงยุติธรรม ตามที่เห็นสมควร

             โดยที่ข้าพเจ้า ก็จะยังยืนยันจะตั้งใจทำงานในฐานะเป็นข้าราชการมืออาชีพ และรักษากติกามารยาทของการเป็นนักบริหารงานยุติธรรมที่ดี ไม่ช่วยให้คนทำผิดต้องลอยนวล หรือไม่ต้องรับโทษตามคำพิพากษา และให้คำมั่นต่อผู้บริหารว่า ข้าพเจ้ายังจะดำเนินการตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หัวเด็ดตีนขาดแม้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายอย่างข้าพเจ้า ก็จะไม่มีทางประพฤติชั่ว หรือแสวงหาประโยชน์จากการเป็นข้าราชการ
             
               จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน 






อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก









เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รองปลัดฯ ยุติธรรม ร่อนจดหมายถึงสื่อ ลั่นยินดีโดนเด้ง ! ยันไม่มีทางประพฤติชั่ว อัปเดตล่าสุด 27 มกราคม 2558 เวลา 16:20:36 12,714 อ่าน
TOP