ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร โพสต์เฟซบุ๊กป้อง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ชี้ประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือนจากผู้ชนะสงคราม ยันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แค่กุเรื่องใส่ร้ายอดีตผู้นำนาซี พร้อมสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์
วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกสังคมออนไลน์ ได้มีการเผยแพร่และแชร์บทความของ ม.ล.รุ่งคุณ กิตติยากร หรือ "หม่อมโจ้" บุตรชาย "อาภัสรา หงสกุล" อดีตนางงามจักรวาล กับ ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยา ที่โพสต์ข้อความลงบน เฟซบุ๊กส่วนตัว " ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร" เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 โดยระบุหัวข้อว่า ความจริงเกี่ยวกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รัฐบุรุษที่ถูกธนาคารยิว Zionist ทำลาย ใส่ความให้เป็นผู้ร้าย
โดยในบทความดังกล่าวมีเนื้อหากล่าวถึงการโจมตีค่าเงินของเยอรมนีจากกลุ่มทุนชาวยิวภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง และได้เข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ การเมือง สื่อ จึงทำให้ประชาชนในเยอรมนีเห็นด้วยกับระบบสังคมนิยมแห่งชาติ จากการนำของฮิตเลอร์ อย่างไรก็ตามประเทศที่ประกาศสงครามไม่ใช่เยอรมนีของฮิตเลอร์ แต่เป็นกลุ่ม Jewish World Congress ของยิว 14 ล้านคน ภายหลังจากที่ฮิตเลอร์เข้ามาเป็นผู้นำเขาก็ได้ให้สัญญากับประชาชนว่าต้องมีงานทำ และ มีอาหารรับประทาน ซึ่งเขาทำได้อย่างสมบูรณ์ จากการที่เน้นระบบเศรษฐกิจเพื่อประชาชน หรือเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง ในที่สุดอีก 5 ปีเขาก็ได้ขจัดปัญหาการว่างงานในเยอรมนีอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ฮิตเลอร์ตนจึงอยากให้รู้ความจริงอีกด้าน นำเรื่องการแก้เศรษฐกิจกลับมาใช้ในไทยเผื่อวันหนึ่งเราโดนโจมตีค่าเงินบาท และเงินในคลังไม่มีเหลือ นอกจากนี้ประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกโดยผู้ชนะสงคราม นั้นที่แท้จริงฝ่ายพันธมิตร anglo-american ที่รับใช้ทุนธนาคารยิวคือ Zionist ผู้ร้ายตัวจริง ได้ใส่ร้ายบิดเบือนปิดบังความจริงต่าง ๆ นานา รวมถึงเรื่อง Holocaust หรือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อันเป็นเรื่องหลอกลวง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น เป็นเพียงการโฆษณาเพื่อใช้ความชอบธรรมในการเข้าไปเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ เพื่อให้ชาวยิวมีรัฐเป็นของตัวเอง และเพื่อลบความเป็นอัจฉริยภาพทางเศรษฐศาสตร์ของฮิตเลอร์เท่านั้นเอง
ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
โดยข้อความในเฟซบุ๊กของ ม.ล.รุ่งคุณ "ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร " มีรายละเอียดดังนี้
ความจริงเกี่ยวกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รัฐบุรุษที่ถูกทุนธนาคารยิว Zionist ทําลาย ใส่ความให้เป็นผู้ร้าย
หลังการพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 1 ตามมติของ Versailles Conference 1919 เยอรมนีจำต้องจ่าย ทองคำมูลค่า 1 แสนล้าน Mark รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2 แสนกว่าล้าน Mark ให้กับผู้ชนะ เมื่อจ่ายได้ไม่หมด ฝรั่งเศสก็ได้เข้ามายึดพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมทรัพยากร ส่วนทางเยอรมนีเอง เมื่อไม่เหลือทองคำในคลังเลย ไม่มีหลักคํ้าเงินสกุล เงินสกุล Mark จึงกลายเป็นเศษกระดาษที่ไม่มีค่า ในเวลาเดียวกันกลุ่มทุนธนาคารยิวก็ได้เข้ามาปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยสูง โดยสถานะของเงิน Mark นั้นถูกทุบลงไปเรื่อย ๆ จากปี 1918 มีมูลค่า 5.2 Mark ต่อ 1 USD ต่อมาในปี 1921 มีมูลค่า 64.9 Mark ต่อ 1 USD และ ในที่สุดในปี 1923 มีมูลค่า เพียง 4.2 ล้านล้าน Mark ต่อ 1 USD
สำหรับชาวเยอรมนีในเวลานั้น ขนมปังหนึ่งโหลมีราคา 2 ล้านล้าน Mark เงินสะสมของประชาชนทุกคนหมดค่ากลายเป็นศูนย์ ด้วยนํ้ามือของกลุ่มทุนธนาคารยิว ประชาชนสิ้นหวัง มีการฆ่าตัวตายจำนวนมาก ตำรวจหาเงินด้วยการทุจริต ในเวลาเดียวกันกลุ่มทุนยิวมองว่าเป็นโอกาสทองในการทำกำไรโดยการลงทุนที่ตํ่า การเก็บดอกเบี้ยสูงอันส่งผลให้เกิดบังคับขาย สูญเสียทรัพย์สินของผู้กู้ชาวเยอรมนีให้กับกลุ่มทุนยิว ที่ได้เข้ามาครอบงำทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สื่อ พร้อมทั้งการทำลายวัฒนธรรมของชาวเยอรมนี
ภายหลังการจงใจล้มตลาดทุน Wall Street ใน 1929 กระทำโดยกลุ่มของ Rockefeller JPMorgan Rothschilds ที่ได้ทำลายธนาคารเล็ก ๆ ในสหรัฐฯ 16,000 แห่ง โดยทุนใหญ่ของพวกตนได้ถอนตัวออกก่อนกาล กว้านซื้อทุกอย่างในราคาที่ถูก สหรัฐฯได้เรียกหนี้คืนจากเยอรมนีภายใน 90 วัน อันส่งผลให้เยอรมนีเป็นประเทศที่ล้มละลายโดยสมบูรณ์ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ล้มกัน การว่างงานจาก 650,000 คนในปี 1928 ขึ้นมาเป็น 3 ล้านคนในปี 1930 สูงสุดในปี 1933 มีการว่างงานระหว่าง 6-7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชายทั้งสิ้น ไม่มีเงินสำหรับอาหาร เสื้อผ้า การทำความอุ่นในครัวเรือนตนเอง
ประชาชนจึงเห็น National Socialist (สังคมนิยมแห่งชาติ) นำโดย Hitler เป็นทางออก ซึ่งประกาศตัวเป็นทั้งศัตรูของลัทธิของยิวทั้งสองขั้ว ได้แก่ ระบบทุนนิยม และ ระบบ Communist โดยเมื่อ Hitler ได้เข้ามามีอำนาจ ประเทศไม่มีเงินในคลังเลย แต่มีปัญหาคนว่างงาน 6-7 ล้านคน โดยภายหลังรับตำแหน่ง 3 สัปดาห์ ฝ่ายที่เริ่มประกาศสงครามระหว่าง Hitler กับ ยิว ไม่ใช่ Hitler แต่คือ Jewish World Congress ของยิว 14 ล้านคน ซึ่งได้ประกาศสงครามกับเยอรมนี พร้อมการควํ่าบาตร เมื่อเป็นเช่นนี้ Hitler จึงได้ตอบโต้อีก 3 เดือนต่อมา ด้วยการประกาศสงครามกับชาวยิว ซึ่งในเยอรมนีเองมีประมาณ 5 แสนคน หรือ 2 เปอร์เซ็นต์ พร้อมการควํ่าบาตรสินค้ายิว
สิ่งที่ Hitler ได้สัญญาให้ความหวังกับประชาชน คือ การมีงานทำและมีอาหารรับประทาน ซึ่งเขาได้รักษาคำพูดของเขาโดยสมบูรณ์ Hitler ได้เน้นระบบเศรษฐกิจเพื่อประชาชน และ Autarky หรือเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง (Self-Sufficient) พร้อมได้สร้างความสามัคคีระหว่างแรงงานและผู้จ้างงาน โดยเมื่อผ่านไป 2 ปี ครึ่ง ปัญหาการว่างงานได้ลดลงไปมาก และภายใน 5 ปี เขาได้ขจัดปัญหาการว่างงานในเยอรมนีโดยสิ้นเชิง
การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ Hitler ได้ทำโดยปราศจากเงินจากกลุ่มทุนธนาคารยิวแม้แต่น้อย Hitler สร้าง Autobahn ทางหลวงเยอรมนีจากวัสดุผลิตในเยอรมนีล้วน ๆ และหลังจากการเจรจาสร้างรถยนต์กับ German Auto Industry ซึ่ง Hitler มองว่าแพงเกินไป เขาได้หันไปหา Ferdinand Porsche แทน และได้ร่วมออกแบบรถ Volkswagen แปลว่า รถของประชาชน ในราคาที่ถูกกว่าเกือบครึ่งหนึ่ง โดยรถเต่าทองนี้ที่คนส่วนใหญ่รู้จักได้เป็นรถที่มีการสร้างมากที่สุดในโลก จึงยากที่จะถูกลบออกจากประวัติศาสตร์
สำหรับการผลิตเสื้อผ้า ในเมื่อการซื้อฝ้าย (Cotton) จำเป็นต้องซื้อโดยการใช้ USD Hitler จึงได้มีการคิดค้นผลิตผ้า Rayon ขึ้นมา โดยการนำขนแกะเยอรมนีมาผลิต
ภานใน 4 ปี Hitler ได้สร้างบ้าน 1.5 ล้านหลัง โดยให้ประชาชนสามารถผ่อนได้ 10 ปี หากมีลูก 1 คนให้ลดหนี้ลง 25% หากมีลูกถึง 4 คน ให้ยกเลิกหนี้ทั้งหมด โดยเขาเชื่อว่าครอบครัวที่ใหญ่จะมีการจับจ่ายมาก จะมีการจ่ายภาษีคุ้มกับการลดปลดหนี้ ปรากฏว่าภายในไม่กี่ปี การเก็บภาษีของรัฐเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว
สำหรับแรงงานผู้เช่าอาศัย ค่าเช่าจะอยู่ไม่เกิน 1 ใน 8 ของรายได้ต่อเดือน และเป็นครั้งแรกในโลกที่แรงงานสามารถพาครอบครัวไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศ โดย Hitler ได้สร้างเรือ Cruise หลายลำเพื่อให้แรงงานชาวเยอรมนีสามารถไปเที่ยวได้ในราคาที่ถูก โดยส่วนใหญ่เรือ Cruise จะไปตามเกาะแถบสเปน เขาได้จัดการศึกษาให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญา และได้สร้างบ้านพักจำนวนมากให้เกษตรกร สำหรับผู้ให้แรงงานทั่วไป เปรียบเทียบกับก่อน Hitler เข้ามา มีรายได้มากกว่าเดิม 2 เท่าโดยค่าเงินยังคงเดิม
Hitler ได้สร้างระบบการค้าของเยอรมนี โดยไม่ใช้เงิน USD เลย แต่จะเน้นในการ Barter แลกเปลี่ยนเป็นหลัก จากระบบนี้เองที่ กลุ่ม Anglo American Jewish Banksters เสียผลประโยชน์ กลัวว่าเยอรมนีที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นแบบอย่างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศอื่นทั่วโลก แทนระบบที่พวกตนเองควบคุม จึงได้สร้างเงื่อนไขจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
Hitler ได้นำพาประชาชนชนชาติเขากลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง มีอธิปไตย เสรีภาพ พ้นจากการเป็นหนี้ เป็นทาสทุนสามานย์ แม้ Winston Churchill ผู้เป็นอริกับเยอรมนีที่สุด ยังได้ส่งถึง Hitler ในปี 1938 ก่อนจะมีสงครามว่า หากวันใดสหราชอาณาจักร ตกในหายนะดังเช่นเยอรมันใน 1918 ข้าพเจ้าขอให้พระเจ้าประทาน บุคคลที่มีความเข้มแข็ง และ ลักษณะของท่าน ส่วน Lloyd George นายกรัฐมนตรีอีกท่านได้กล่าวกับชาวเยอรมัน ท่านควรขอบคุณพระเจ้า ที่ท่านมีบุรุษผู้ยอดเยี่ยมเป็นผู้นำ
แล้วสาเหตุคืออะไร จึงได้มาทำลายทุกอย่างที่เขาได้สร้างไว้?
เพราะว่าเขาสามารถหาวิธีกู้ชนชาติเขาพ้นจากความเป็นทาสได้?
เพราะว่าพวกเขาแสดงให้โลกเห็นว่า สามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าโดยปราศจากระบบของกลุ่มทุน Zionist ได้?
ความจริงคือเช่นนั้น
เขาเป็นบุรุษของประชาชนเขา เป็นบิดาของเยอรมนี ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น และเขาก็รักประชาชนของเขา
Heil Hitler.....Herzlichen Glückwunsch zum Geburtstag
2558/04/20
ป.ล.เนื่องในวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จึงได้นำเรื่องมาแสดงให้ทราบความจริงเกี่ยวกับบุรุษที่น่าชื่นชมผู้นี้ แม้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะมีความผิดพลาดในบางส่วน แต่ความเป็นอัจฉริยะและความรักชาตินั้นมีอยู่มาก ควรแก่การศึกษาโดยมองว่าประเทศของเรา หากมีวิกฤติเศรษฐกิจโดนทุบค่าเงินอีกครั้ง คราวนี้จะไม่เหมือนคราวก่อนที่ได้เกิดขึ้นในขณะที่เรายังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ หากคราวนี้หากเงินคลังหลวงหมด อาจหมายถึงการที่ประเทศเราจะถูกยึดอย่างเบ็ดเสร็จ คล้ายคลึงกับเยอรมนีสมัยนั้น หวังว่าประชาชนจะตื่นรู้ได้เสียก่อนจะต้องถึงสถานการณ์นั้น
ประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกคือประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนโดยผู้ชนะสงคราม โดยหลังแพ้สงครามไป ฝ่ายพันธมิตร anglo-american ที่รับใช้ทุนธนาคารยิว Zionist ผู้ร้ายตัวจริง ได้ใส่ร้ายบิดเบือนปิดบังความจริงต่าง ๆ นานา รวมถึงเรื่อง Holocaust หรือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อันเป็นเรื่องหลอกลวง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ได้มีการเซ็นสัญญา ระหว่างตระกูล Rothschilds และรัฐบาลอังกฤษ ว่าหาก Rothschilds สามารถนำสหรัฐฯมาร่วมสงคราม รัฐบาลอังกฤษจะต้องยกดินแดน Palestine ซึ่งเป็นของชาว Palestine ที่ได้อาศัยอยู่มาแต่ไหนแต่ไร มาเป็นแผ่นดินของชาวยิว เรื่องราวเกี่ยวกับ Holocaust มิใช่อะไรนอกจาก propaganda หลอกลวง มีจุดเป้าหมายหลักคือการสร้างความเห็นอกเห็นใจในการเข้าไปไล่ฆ่าชาว Palestine นับล้านออกจากดินแดนของเขา เพื่อให้ชาวยิวได้มีรัฐของตนเอง พร้อมกับอีกจุดประสงค์ คือการทำลายลบล้าง ตำนานอัจฉริยภาพทางเศรษฐศาสตร์ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นั่นเอง