เผยภาพชีวิตวันสุดท้ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ของชายผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาไม่หาย ตัดสินใจทำการุณยฆาตเพราะไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ เปิดเผยภาพถ่ายและเรื่องราวของรอยยิ้มปนความเศร้าของครอบครัวสเปคเตอร์ ชาวอังกฤษ เมื่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้ใช้ชีวิต 1 วันสุดท้าย กับภรรยาและครอบครัว อย่างน่าจดจำที่สุด ก่อนที่จะบินไปสวิตเซอร์แลนด์ให้หมอทำการุณยฆาตให้เพื่อหนีจากมะเร็งร้าย แล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
เจฟฟรีย์ สเปคเตอร์ คุณพ่อวัย 54 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นนักธุรกิจในอังกฤษรายนี้ ได้ล้มป่วยลงเมื่อ 6 ปีก่อน และแพทย์ได้บอกข่าวร้ายว่า เขามีเซลล์มะเร็งที่ไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ที่กระดูกสันหลัง เขาจึงคิดหนักมาโดยตลอดว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อเมื่อไม่มีทางรักษาเช่นนี้ จะรักษาก็อันตรายเกินไป จะปล่อยให้มะเร็งลุกลามหนักถึงขั้นเป็นอัมพาตและกลายเป็นภาระของครอบครัวก็คงรู้สึกแย่ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น สุดท้ายเขาก็เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าหาคลินิกการุณยฆาตที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเปิดบริการอย่างถูกกฎหมาย เพื่อเรียกร้องขอให้แพทย์ทำให้เขาเสียชีวิตอย่างสงบ แม้ว่าครอบครัวจะคัดค้านการตัดสินใจนี้ในทีแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขาในที่สุด
เจฟฟรีย์เริ่มปรึกษาคลินิกการุณยฆาตตั้งแต่ช่วงที่รู้ว่าเป็นมะเร็งที่รักษาไม่หายใหม่ ๆ แต่เพิ่งจะเปิดเผยการตัดสินใจนี้ให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่มะเร็งเริ่มลุกลามจนทรมานมากแล้ว
ก่อนที่วันทำการุณยฆาตจะมาถึง เจฟฟรีย์และครอบครัวก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะในช่วงวันสุดท้ายของชีวิต เจฟฟรีย์ได้พาครอบครัวตระเวนพบปะกับเพื่อนฝูงและทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข แม้จะเป็นความสุขที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ภายในอย่างมากมายก็ตาม พวกเขาถ่ายรูปกันและยิ้มให้กล้องประหนึ่งว่าจะไม่มีความสูญเสียใด ๆ เกิดขึ้น และนั่นคือความสุขครั้งสุดท้ายของครอบครัวสเปคเตอร์
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ครอบครัวสเปคเตอร์ได้บินไปสวิตเซอร์แลนด์ด้วยกันพร้อมหน้า และเจฟฟรีย์ก็ได้ถูกทำการุณยฆาตด้วยการทานยามรณะ เสียชีวิตลงอย่างสงบ ก่อนที่ทั้งหมดจะบินกลับมายังอังกฤษซึ่งเป็นบ้านของพวกเขาเอง
ด้านเพื่อนสนิทของเจฟฟรีย์บอกว่า เจฟฟรีย์ทำอย่างนี้ก็เพราะไม่อยากจะกลายเป็นภาระของครอบครัว ในวันที่เขาไม่สามารถจะพูด เดิน และช่วยเหลือตัวเองได้
อย่างไรก็ดี หลังจากผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้เสียชีวิตลง นั่นก็ได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวไม่น้อย แม้จะทำใจไว้ก่อนแล้ว และตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังไม่อยากจะเปิดเผยเรื่องราวใด ๆ มากนัก ขอเวลาทำใจและขอเวลาคิดถึงสิ่งที่จะต้องทำกันต่อไปในอนาคต เมื่อไม่มีเจฟฟรีย์อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว