10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ


10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          ความเสี่ยงมหันตภัยทั่วโลก เป็นเหตุการณ์สมมุติในอนาคต ที่อาจทำความเสียหายต่อมนุษย์อย่างรุนแรงทั่วโลก เหตุการณ์บางอย่างอาจทำลายหรือทำความเสียหายแก่อารยธรรมที่มีในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านั้นอาจทำให้มวลมนุษย์สูญพันธุ์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความเสี่ยงต่อการอยู่รอดของมนุษย์

          แม้มนุษย์จะพัฒนาทั้งตัวเองและอารยธรรมจนเจริญรุ่งเรืองทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่จริงแล้วพวกเรานั้นอ่อนแอเหลือเกิน ยังมีภัยร้ายที่อาจทำลายมนุษยชาติได้มากมาย

          วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเรื่องราวของ 10 มหันตภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่เว็บไซต์มิเรอร์ ได้รวบรวมเอาไว้ ไปดูกันว่าเหตุการณ์อันนำมาซึ่งหายนะของมวลมนุษยชาติรวมถึงสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์บนโลกนั้นมีอะไรบ้าง

ภาวะโลกร้อน (Global Warming)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          ภาวะโลกร้อนนับว่าเป็นปัญหาที่ถูกพูดคุยกันมานานหลายปี หลังจากหลายทศวรรษที่ผ่านมามีการพบว่าอุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก นักวิทยาศาสตร์คาดว่าถ้าหากน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วจนทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงถึง 300 ฟุตเมื่อไร อาจหมายถึงหายนะของมวลมนุษยชาติ ดังนั้นขืนยังปล่อยให้โลกเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าโลกจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจนสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์บนโลกนี้ปรับตัวไม่ได้
 
          ที่สำคัญคือหากอุณหภูมิของโลกยังคงพุ่งสูงมากกว่านี้ อาจทำให้เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคระบาดต่าง ๆ แพร่กระจายจนควบคุมไม่อยู่ รวมถึงอาจเกิดการติดเชื้อในแหล่งน้ำทะเล เป็นเหตุของภัยแล้งและความอดอยาก เช่นเดียวกับน้ำท่วมและภัยธรรมชาติอื่น ๆ

          ทั้งนี้ ถ้าอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นมากกว่านี้อีกราว 6% ก็เพียงพอต่อการกำจัดทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์แห่ง IPCC (คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) เพิ่งเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า มีโอกาสราว 5% ที่อุณหภูมิของโลกจะพุ่งสูงจนแตะเพดาน 6.4% ภายในปี 2643

การระเบิดรังสีแกมมา (Gamma-ray Burst)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          การระเบิดของรังสีแกมมา เกิดจากการชนกันของดาวฤกษ์ที่ดับแล้ว 2 ดวง นับเป็นการระเบิดของพลังงานที่ทรงอานุภาพที่สุดในจักรวาล พลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจะอยู่ในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าย่านรังสีแกมมา ซึ่งเป็นพลังงานที่ทรงพลังที่สุดแต่ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยตา ทรงพลังขนาดที่ว่าการระเบิดแต่ละครั้งนั้นรุนแรงเป็น 100 เท่าของซูเปอร์โนวา (การระเบิดของดาวฤกษ์มวลมากเมื่อสิ้นอายุขัย) หรือประมาณล้านล้านล้านเท่าของดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะจักรวาล

          ปกติแล้วจะพบการระเบิดรังสีแกมมา 1 ครั้งต่อวัน โดยเกิดขึ้นในกาแล็กซีที่ไกลโพ้นนับล้านปีแสง  แต่ถ้าหากการระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับระบบสุริยะเมื่อไร จะมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างมากแน่นอน บรรยากาศของโลกจะดูดซับรังสีแกมมาดังกล่าวและทำให้ก๊าซไนโตรเจนแตกตัว เกิดเป็นไนตริกออกไซด์ (nitric oxide) ไปทำปฏิกิริยาเคมีทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศโลก

          และหากเกิดระเบิดรังสีแกมมาในระยะใกล้โลกเพียง 3,262 ปีแสง จะสามารถทำลายชั้นโอโซนกว่าครึ่งหนึ่ง และทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตทั้งจากรังสีแกมมาและดวงอาทิตย์ส่องลงมายังพื้นโลกในทันที ซึ่งมีความรุนแรงพอที่จะทำลายห่วงโซ่อาหารและทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของชีวิตบนโลกในที่สุด

โรคระบาด (Pandemic)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ
 
          ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมนุษยชาติ มีการพบโรคระบาดมากมายหลายครั้ง ซึ่งต่างคร่าชีวิตมนุษย์ไปเป็นจำนวนมหาศาลทีเดียว

          กาฬโรค คร่า 1 ใน 4 ของประชากรชาวยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 14  และหลังจากนั้นในปี 2461-2463 ไข้หวัดใหญ่สเปน ทำคนทั่วโลกเสียชีวิตราว 50-100 ล้านคน ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี

          ถึงแม้โรคระบาดในยุคปัจจุบันอย่าง ซาร์ส ไข้หวัดนก และไวรัสเมอร์ส สามารถถูกวิทยาการทางการแพทย์มนุษย์ควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดไปทั่วโลกไว้ได้ แต่ก็ยังมีคนท้องถิ่นเสียชีวิตไปมากมายอยู่ดี

          ถ้าภัยธรรมชาติยังไม่น่ากลัวพอสำหรับคุณแล้วละก็ขอให้เตรียมสนุกไว้ได้เลย เพราะมีนักวิทยาศาสตร์กำลังถูกตำหนิอย่างแรงเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรมของเชื้อโรคเหล่านี้จนกลายพันธุ์ ลองคิดเล่น ๆ ดูสิว่าถ้าเชื้อเหล่านี้หลุดออกมาจากห้องทดลอง จะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษยชาติกันนะ ?

          เมื่อช่วงปีที่แล้ว มีนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินเกิดอุตริ สร้างเชื้อไวรัสที่มีต้นแบบมาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปน ทำเอาผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงกับตะลึงไปตาม ๆ กัน

หุ่นยนต์ครองโลก (Robot)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่อง Terminator จะเป็นแค่เรื่องแต่งสุดมันส์ แต่ใครเลยจะรู้ว่าหุ่นยนต์สังหารอันมีความคิดเป็นของตัวเอง ใกล้จะเป็นความจริงขึ้นมาทุกขณะ

          สหประชาชาติได้รับจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ออกกฎแบนหุ่นยนต์สังหาร ที่ทางกองทัพของหลาย ๆ ประเทศกำลังค้นคว้าวิจัยอยู่ในขณะนี้

          นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง อีลอน มัสก์ และสตีเฟน ฮอว์กิ้ง ยืนกรานว่า หุ่นยนต์สังหารเหล่านี้เป็นภัยต่อมนุษย์อย่างแท้จริง ด้วยความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น สุดท้ายแล้วอาจทำให้มันรู้ตัวว่ามันฉลาดกว่ามนุษย์โลกมาก จนเป็นเหตุให้มนุษย์เผชิญภาวะสูญพันธุ์ในที่สุด

หลุมดำ (Black Hole)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          ทั่วจักรวาลของเรามีหลุมดำอยู่นับไม่ถ้วน หลุมดำเหล่านี้มีแรงดึงดูดมหาศาลที่แม้แต่แสงยังถูกดูดเข้าไปโดยง่ายดาย

          เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดอรัมได้ค้นพบวัตถุที่น่าจะเป็น “หลุมดำไซส์พี่บิ๊ก” จำนวน 5 แห่ง ที่มีขนาดใหญ่เป็นพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์ และยิ่งสร้างความตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเมื่อมีการคาดกันว่า หลุมดำ 1 ใน 5 อาจเคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกมากกว่าที่คาดเอาไว้ในตอนแรก

          และถ้ามันเข้ามาใกล้โลกจริง ๆ ละก็ ไม่ต้องรอให้มันดูดโลกของเราเข้าไปหรอก แค่มันดูดเอาดวงอาทิตย์ไป ก็จะทำให้โลกของเราหลุดออกจากวงโคจรแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ จนถูกดีดคว้างล่องลอยไปในห้วงอวกาศอย่างไร้ทิศทาง

สงครามโลก (Global War)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          นักวิทยาศาสตร์หลายคนยังคงกังวลกับมหันตภัยคลาสสิกอันดับ 1 ที่จะทำลายล้างโลกแบบราบเป็นหน้ากลองได้ง่าย ๆ  ใช่แล้ว สงครามนิวเคลียร์นั่นเอง

          ปัจจุบัน มีโกดังเก็บระเบิดนิวเคลียร์อยู่เป็นจำนวนมากบนโลกใบนี้ แล้วหากพวกมันตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้ายจะเป็นยังไงกันนะ ? ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่า หายนะบังเกิดแน่นอน

          ว่ากันว่า มีประเทศอยู่จำนวน 9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองเป็นจำนวนมหาศาล รวมถึงรัสเซีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ

          เมื่อปี 2551 วารสาร “Physics Today” นำเสนอว่า ถ้ามีการยิงนิวเคลียร์ถล่มกันสัก 100 ครั้งจะเกิดอะไรขึ้น ? คำตอบคือ โลกของเราจะเกิด “ฤดูนิวเคลียร์เหมันต์” ที่จะลดอุณหภูมิโดยรวมของโลกจนต่ำสุด ๆ ในรอบ 1,000 ปี และน่าจะคร่าชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มากโขทีเดียว

การสลับขั้วแม่เหล็กโลก (Magnetic reversal)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          ตามประวัติของโลก ขั้วแม่เหล็กโลกได้เปลี่ยนที่มาประมาณ 170 ครั้งในรอบ 100 ล้านปีที่ผ่านมา และการสลับขั้วแม่เหล็กโลกครั้งล่าสุด ก็ผ่านมาเป็นเวลาราว 781,000 ปีแล้ว นั่นหมายความว่า โอกาสครั้งต่อไปที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะสลับทิศอีกครั้ง อาจจะเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
       
          ล่าสุด รายงานผลการวิจัยของปีที่แล้วจากองค์การอวกาศยุโรป ระบุว่า สนามแม่เหล็กโลกกำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็วเป็น 10 เท่าจากที่เคยคาดการณ์ไว้ และขั้วแม่เหล็กโลกอาจสลับด้านกันอย่างสมบูรณ์ในอีก 100 ปีข้างหน้า

          สนามแม่เหล็กโลกช่วยเบนทิศทางพายุอนุภาคและรังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ รวมถึงอนุภาคอื่น ๆ ที่ทรงพลังจากอวกาศอันไกลโพ้น
 
          หากไร้สนามแม่เหล็กที่คอยปกป้องโลกแล้วละก็ สิ่งแปลกปลอมจากอวกาศเหล่านั้นจะเล็ดลอดเข้ามาในโลกเราได้โดยง่าย ก่อนจะทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ และส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในที่สุด

ภูเขาไฟมหาประลัย (Super Volcano)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          บนโลกนี้มีภูเขาไฟอยู่มากมาย แต่ไม่มีลูกใดเลยที่จะหาญกล้าเทียบเท่าได้กับสุดยอดภูเขาไฟเยลโล่สโตน อันทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

          ภูเขาไฟในอุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน สหรัฐฯ เป็นภูเขาไฟดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ใต้ดินอุทยานลึกลงไปราว 5 ไมล์ (ราว 8 กิโลเมตร) ในอดีตมันเคยปะทุมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยมีช่วงระยะเวลาห่างของการระเบิดแต่ละครั้งราว 6-7 แสนปี และอายุของอุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตนตามหลักฐานทางธรณีวิทยาจนถึงปัจจุบันคือ 640,000 ปี ซึ่งหมายความว่าอีกไม่นานนี้ โลกเราอาจได้พบกับสุดยอดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดก็เป็นได้

          หากภูเขาไฟเยลโล่สโตนเกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง จะทำให้เกิดแรงระเบิดที่มีพลังงานเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ราว 1,000 ลูก ในทุก ๆ 1 วินาที และลาวาร้อนระอุจะไหลเข้าทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนพื้นดิน ขี้เถ้าจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ อุณหภูมิโลกจะลดลงอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส ฝนจะตกลงมาเป็นฝนกรด และมนุษย์อาจสูญพันธุ์ได้ในที่สุด

การรุกรานของมนุษย์ต่างดาว (Alien Invasion)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          มีโอกาสอยู่มากที่จะมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในจักรวาลอันไกลโพ้น บนดวงดาวหลายพันล้านดวง นอกเหนือจากมนุษย์บนดาวสีฟ้าอย่างเรา และหากวันหนึ่ง มนุษย์ต่างดาวได้มาเหยียบบนพื้นโลกนี้จริง ๆ คิดว่าพวกเขาจะมาดีหรือมาร้ายกันล่ะ ?

          สตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักวิทยาศาสตร์ด้านเอกภพและจักรวาล กล่าวว่า “หากมนุษย์ต่างดาวมาเยี่ยมมนุษย์โลกจริง ๆ แล้วละก็ ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะมาในรูปแบบคล้าย ๆ กับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้บุกเบิกทวีปอเมริกาในอดีต แล้วก็อย่างที่เห็น ตอนนี้ชนเผ่าพื้นเมืองอย่างอินเดียนแดงเป็นยังไงบ้างล่ะ ? “

          ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์รายอื่น ๆ ก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลกแล้วละก็ พวกเขาอาจมาปล้นทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำทะเล หรืออาจมาลองลิ้มชิมเนื้อมนุษย์ดูสักครั้งก็เป็นได้

อุกกาบาตพุ่งชนโลก (Asteroid Impact)

10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ

          หนึ่งในภัยพิบัติที่ฝังใจมนุษย์มาเป็นเวลานาน ดูได้จากภาพยนตร์และนิยายแนวไซ-ไฟทั้งหลายที่มักจะหยิบประเด็นอุกกาบาตพุ่งชนโลกมาหลอกหลอนเราอยู่เสมอ จนบางทีก็นึกสงสัยว่า โลกาวินาศจากอุกกาบาตชนโลก จะเกิดขึ้นได้จริงเหรอ ?

          คำตอบคือ จริง จากรายงานผลการค้นคว้าของทีมงานจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ระบุว่า หากเกิดกรณีที่อุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกจริง ๆ โลกจะไม่แตกเป็นเสี่ยงอย่างที่เรามักวาดภาพไว้ในหัวกัน แต่การพุ่งชนของมันจะก่อให้เกิดฝุ่นควันฟุ้งทั่วชั้นบรรยากาศ บดบังแสงอาทิตย์ที่จะส่องมายังโลก ทำให้เกิดฤดูหนาวสุดหฤโหด สภาพภูมิอากาศทั้งโลกถูกเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือเค้าเดิม ขาดแหล่งอาหาร  เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และอาจนำไปสู่สงครามได้ในที่สุด
 
ภาพจาก Explore.org, Wikipedia, Youtube, Working Nurse, Wikia, Sleuth Journal, Science Fiction, Killer Asteroids

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 มหาวิบัติที่อาจนำมาซึ่งหายนะแห่งมวลมนุษยชาติ อัปเดตล่าสุด 1 ตุลาคม 2558 เวลา 14:59:32 50,477 อ่าน
TOP
x close