สตง. พบพิรุธ โครงการปรับปรุงห้องเรียนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่โปร่งใสหลายขั้นตอน ชี้มีบุคคลใกล้ชิด ส.ส. เอี่ยวโกง ทำรัฐเสียหายกว่า 170 ล้าน เตรียมส่งเรื่องให้ กระทรวงศึกษาฯ ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 14 ธันวาคม 2558 สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการปรับปรุงห้องเรียน (E-Classroom) และห้องสมุดคุณภาพสู่มาตรฐานสากล (ELibrary) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งใช้งบประมาณ 342,500,000 บาท จากงบแปรญัตติ ปี 2555 ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จัดสรรให้กับโรงเรียนจำนวน 100 แห่ง พบความผิดปกติ ไม่โปร่งใส ตั้งแต่ขั้นตอนการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณจนถึงการดำเนินโครงการ
จากการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าวได้มีการระบุชื่อโรงเรียนไว้ก่อนแล้ว โดยไม่ได้จัดทำขึ้นตามความต้องการ ความจำเป็น หรือความขาดแคลนของโรงเรียนอย่างแท้จริง ซึ่งกระบวนการจะมีบุคคลที่อ้างว่า เป็นผู้ประสานของ ส.ส. ได้ไปประสานงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน ทั้งนี้จะให้โรงเรียนเลือกว่าจะรับโครงการนี้หรือไม่ ซึ่งโรงเรียนก็รับเพราะต้องการได้รับการพัฒนา แต่กลับไม่มีความรู้ในระบบงานซอฟต์แวร์
นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรงบประมาณในลักษณะผูกขาดโดยพฤติการณ์ของผู้ประสานงานของ ส.ส. อ้างว่า งบแปรญัตติเป็นของ ส.ส. ที่ต้องดำเนินการตามรายละเอียด TOR และคุณลักษณะเฉพาะที่โครงการกำหนดเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดใด ๆ ได้ ทำให้โรงเรียนบางแห่งไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องขอคืนงบประมาณ
สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างนั้น สตง. ตรวจสอบพบถึงความผิดปกติ เช่น มีการกำหนดราคากลางสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น และกำหนดราคากลางซ้ำซ้อนทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงินรวมประมาณ 173,806,790 บาท และมีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างรายใดรายหนึ่ง รวมทั้งมีพฤติการณ์สมยอมการเสนอราคาและมีผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ สตง. ยังได้ตรวจสอบการใช้ประโยชน์จากโครงการพบว่า มีครุภัณฑ์ที่จัดซื้อแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นเงิน 26,686,000 บาท
ขณะที่ นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อพิจารณาแล้ว ที่ประชุมเห็นว่า การใช้จ่ายเงินงบประมาณโครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และไม่มีคุณภาพ ทำให้โรงเรียนไม่สามารถก้าวสู่มาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง จึงให้แจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขยายผลการตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณหากพบการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามระเบียบให้พิจารณาโทษตามควรแก่กรณี รวมทั้งให้กำหนดมาตรการ และแนวทางการจัดสรรงบประมาณที่เป็นงบแปรญัตติให้มีขั้นตอนที่ชัดเจน โปร่งใส รัดกุม
นายชัยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนยังได้สั่งกำชับให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัด และให้ สตง. ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก