วานนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2559) พ.ต.ต. กิติพล เกตุมาลา สว.สส.สภ.เมือง จ.สกลนคร พร้อมกำลังชุดสืบสวน และนายกิตติศักดิ์ ไท้ทอง เภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร นำหมายศาลจังหวัดสกลนคร ที่ ค4/2559 เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 295 หมู่ที่ 5 ต.ธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากหญิงผู้เสียหายรายหนึ่ง ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ทำแท้งเถื่อน
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบว่า สถานที่ดังกล่าวปิดอยู่ โดยใช้กุญแจล็อกบ้านไว้อย่างมิดชิด ในบ้านมี 3 ห้องนอน โดยห้องหนึ่งมีแคร่ไม้ไผ่ตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ และเจ้าหน้าที่ยังพบ ผ้าถุง ถุงมือไซริงค์ที่ใช้แล้ว 1 อัน ถุงมือที่ใช้แล้ว 1 อัน และเข็มฉีดยาจำนวนหนึ่งและพบน้ำส้มสายชูหมักจำนวน 1 ขวด โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ ) อายุ 18 ปี มาชี้ที่จุดได้รับการยืนยันว่ามีการทำแท้งที่แคร่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพพร้อมรวบรวมสิ่งของที่เกี่ยวข้องภายในบ้านไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2559 น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาตรวจครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในตลาดเทศบาลเมืองสกลนคร โดยมีเพื่อนสนิทเดินทางมาด้วย แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่า คลินิกปิด แต่มีวินจักรยานยนต์รับจ้างมาพบและถามว่า จะไปคลินิกอีกแห่งไหมเพราะหมอคนนี้ย้ายไปแล้ว ตนจึงตกลงไปกับวินจักรยานยนต์เพราะต้องการตรวจครรภ์ เมื่อมาถึงบ้านที่เกิดเหตุก็พบหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นหมอ ทราบชื่อว่า "หมอแวว" บอกให้นอนบนแคร่ จากนั้นก็ใช้มือลูบบริเวณท้อง และบอกว่าท้องประมาณ 3 เดือนแล้ว ต้องการรักษามีค่าใช้จ่าย 10,500 บาท ด้วยความต้องการตรวจครรภ์จริง ๆ จึงตอบตกลง ปรากฏว่าหมอแววได้ให้ชันขาขึ้นและสอดใส่สายยางเข้าไปในช่องคลอด โดยฉีดยาผ่านสายยาง 1 เข็ม จากนั้นก็ให้จ่ายเงินค่าตรวจ โดยมีวินจักรยานยนต์รับไปส่งตัวเมืองสกลนคร
จากนั้น น.ส.เอ รู้สึกปวดท้องรุนแรงและเวียนหัวอาเจียน แข้งขาสั่น จึงรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลนครสกลนคร หลังเข้ารับการตรวจพบว่า เด็กในครรภ์เสียชีวิตแล้ว จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริเวณบ้านพบว่า เป็นบ้านลักษณะปล่อยทิ้งร้าง เพื่อหลบตาเจ้าหน้าที่และไม่ได้เปิดเป็นคลินิคทำแท้ง แต่เป็นลักษณะเป็นที่พักรักษาชั่วคราว หากมีคนต้องการทำแท้งก็จะมาใช้สถานที่ ด้วยการฉีดน้ำส้มสายชูหมัก เข้าทางช่องคลอดของผู้เสียหาย แล้วปล่อยกลับไปรักษาตัวเอง ซึ่งวิธีการดังกล่าวใช้ระยะเวลาไม่นานแต่เป็นการเสี่ยงเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เอก สุริยา แก้วก่า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
