
พระราชวิจิตรปฏิภาณ
จากกรณี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ ได้แนะนำวิธีจัดการกับม็อบพระหากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกครั้งหลายวิธี อาทิ เช่น การจ้างโคโยตี้ หรือหมอหนวดให้มายืนอยู่แนวหน้าทหารชาย หรือการยั่วน้ำย่อยให้หิวด้วยการรมควันอาหารเข้าใส่หากการชุมนุมผ้าเหลืองยืดเยื้อ เพื่อจะนำไปสู่การจับสึก (อ่านข่าว จุลเจิม ยุคล แนะปราบม็อบพระ จ้างโคโยตี้-หมอนวด ยืนประจันแนวหน้า รอโดนตัวจับสึกทันที)

1. อคติที่มีต่อคณะสงฆ์ แสดงว่าท่านไม่ได้รู้เหตุผลในการประชุมของคณะสงฆ์ มีความเกลียดชังต่อองค์กรคณะสงฆ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จึงแสดงทัศนคติเอนเอียงแบบนี้
2. ทัศนคติที่แสดงออกมาใครที่ได้อ่านจะเห็นได้เลยว่า ดูถูกผู้แสดงทัศนคติเอง
พระราชวิจิตรปฏิภาณ กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นคนระดับล่าง คนทั่วไปอาจไม่เป็นไร เปรียบเทียบไปก็เหมือนการพลั้งคะนองปาก แต่ถ้าเป็นนักวิชาการ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และมีฐานันดรสูง การคะนองปากเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ไม่มีที่อยู่ได้ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่พูดเล่นไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ยิ่งสูงมาก การสำรวมปาก ควรมีสติสัมปชัญญะ ปัญญา จึงเป็นความประเสริฐ เพราะคนสูงมากชมคนต่อหน้าใครก็ไม่ดี ชมคน 1 คน คนนั้นอาจถูกเกลียดเป็นร้อยเป็นพัน ติคน 1 คน คนที่โดนติก็เกลียดชัง คนที่เกลียดชังคนโดนติก็ยิ่งถมทับเขามากยิ่งขึ้นอีก เรื่องการพูดอย่างนี้ มองว่าไม่ใช่เรื่องเล่นแล้วล่ะ เป็นความจงใจที่จะพูด และข้อความแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, 






