หลังจากสุกี้ กมลสุโกศล แคลปป์ อดีตหนึ่งในผู้บริหารและก่อตั้งเบเกอรี่มิวสิค ค่ายเพลงขนมปังที่สร้างงานดนตรีนอกกระแสให้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ ในยุคหนึ่งจนถึงปัจจุบัน และวันนี้เขาหันหลังให้กับการผลิตเพลงแล้วและมาจับงานด้านผลิตรายการทีวี โดยมีรายการชื่อ ดรีมเชสเซอร์ ซิ่งล่าฝัน แพร่ภาพและเสร็จสิ้นไปแล้ว
ล่าสุดสุกี้ได้ใช้เวลาว่างหลังจากทำรายการจบลงแล้ว มาเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค "BAKERY & I" เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลายๆ คนยังคาใจ สงสัย และถามบ่อยครั้งที่เจอแฟนเก่าเบเกอรี่มิวสิค ค่ายเพลงอินดี้ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองในแวดวงบันเทิงเพลง
หลังจากถูกทาบทามจากสำนักพิมพ์ อะบุ๊ค ให้นำเรื่องราวที่หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบการเกิดของเบเกอรี่มิวสิค ในช่วงวิกฤตการกระทบกระเทือน รวมถึงเรื่องราวภายในค่ายเพลงขนมปัง จนกระทั่งถึงวาระที่ต้องปิดตัวลงในขณะที่ยังมีชื่อเสียงอยู่
สุกี้หนึ่งในผู้บริหารที่ยอมเปิดใจ แฉเรื่องราวที่เกิดขึ้นของเด็กหนุ่มที่มีความคึกคะนอง จนกลายเป็นที่มาของค่ายเพลงและเขาก็ได้รับบทเรียนมากมายจากค่ายเพลงนี้ ทั้งด้านการทำงาน การสร้างคน สร้างศิลปิน การประคับประคอง การล่มสลาย และหลายๆ สาเหตุที่ขนมปังก้อนนี้โดนแบ่งไปให้ยักษ์ใหญ่ และในที่สุดสามทหารเสือเบเกอรี่มิวสิคที่มี กมลสุโกศล แคลปป์, บอย โกสิยพงษ์, สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ต้องออกจากการเป็นเจ้าของเบเกอรี่มิวสิค สุกี้เปิดเผย
"บ่อยครั้งที่คำถามเดิมๆ ผมยังถูกถามเพื่อจะหาคำตอบ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มันจบไปนานแล้ว ไม่ใช่ว่าผมเบื่อที่จะตอบแต่ไม่รู้ว่าตอบไปแล้วจะได้อะไร แล้วตอบไปแล้วเขาจะเข้าใจแค่ไหน จนผมมาทำรายการดรีมเชสเซอร์ ซิ่งล่าฝันจบไป ช่วงนี้เริ่มว่างที่จะคิดทำอะไรต่อก็มาฉุกคิดในเรื่องการเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของเบเกอรี่มิวสิค เพราะมีผม บอย และสมเกียรติ ที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"จากคำถามที่จะมีมาเรื่อยๆ หนังสือ เบเกอรี่ แอนด์ ไอ จึงเกิดขึ้น ผมว่าหลายคนได้อ่านพ็อคเก็ตบุ๊ค เล่มนี้แล้ว จะทราบเหตุผลในบางเรื่องที่ไม่รู้ หรือว่ารู้แต่ไม่กระจ่างแน่นอน โดยเฉพาะแฟนเพลงเบเกอรี่มิวสิค ควรต้องมีหนังสือเล่มนี้เลยล่ะครับ มันอาจจะไม่ได้ชี้ชัดว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูก แต่มันเป็นอุทาหรณ์ของคนหนุ่มที่คึกคะนองในตอนนั้น และอาจจะเป็นแนวทางได้ดีสำหรับคนหนุ่มยุคใหม่ที่คิดจะทำบริษัทอะไรสักบริษัทหนึ่ง ต้องเกิดจากใจที่จะรักด้วยครับ" สุกี้สรุป
ที่มาและภาพประกอบจาก
