ผู้อยู่ในเหตุการณ์ขอแจง ข่าวหนุ่มถูก ผบ. สั่งวิ่งกลางแดดจนป่วยโคม่า

หนุ่มร้องโซเชียล รุ่นน้องถูก ผบ. สั่งวิ่งกลางแดดร้อนจัด

หนุ่มโพสต์ระบาย รุ่นน้องทหารถูกผู้บัญชาการลูกหลานนายพล สั่งวิ่งกลางแดดร้อนจัดจนป่วยฮีทสโตรก นอนสลบนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว อาการล่าสุดยังโคม่า ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดในห้อง ICU ด้านคนในเหตุการณ์เล่าอีกมุม บอกไม่ได้สั่งลงโทษรุนแรง ยันหน่วยงานดูแลใกล้ชิดและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนอาการดีขึ้นตามลำดับ

จากข่าวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจและเห็นใจกันอย่างมาก เมื่อเฟซบุ๊กชื่อ Supakit Wisetanuphong ได้เปิดเผย เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 เกี่ยวกับเรื่องความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นภายในกองทัพ ในหัวข้อบทความที่มีชื่อว่า "เพราะน้องผมมันซื่อ และดีจนเกินไป ?"

โดยในโพสต์ดังกล่าว ระบุว่า รุ่นน้องสมัยเรียนมัธยมคนหนึ่งของตน ถูกผู้บัญชาการยศร้อยเอกซึ่งเป็นลูกหลานนายพลชั้นสูง สั่งซ่อมให้วิ่งกลางแดดที่ร้อนจัดของจังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งล้มป่วยด้วยอาการฮีทสโตรก จนถึงวันนี้ก็ราว ๆ สัปดาห์หนึ่งแล้ว รุ่นน้องคนดังกล่าวยังคงสลบ ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย

          ผู้โพสต์ระบุว่า รุ่นน้องคนดังกล่าวมีชื่อว่า ส.ท. ปัญญา เงินเหรียญ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต และเข้ารับราชการเป็นทหาร กระทั่งเกิดเรื่องน่าสลดใจดังกล่าว

          นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังวอนให้พลังโซเชียลช่วยแชร์ เพื่อเปิดเผยถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องและครอบครัว พร้อมกันนี้ยังระบุด้วยว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดแสดงตนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย

          ทั้งนี้ ส.ท. ปัญญา เงินเหรียญ ต้องการเลือดกรุ๊ปโอเป็นจำนวนมากทุกวัน ท่านใดที่ประสงค์จะช่วยเหลือนายทหารและครอบครัว ติดต่อบริจาคได้ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร โดยระบุว่าบริจาคให้ ส.ท. ปัญญา เงินเหรียญ ได้ทุกวันก่อนเวลา 15.00 น.

              อย่างไรก็ดี ล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้แจ้งมายังกระปุกดอทคอมว่า... วันที่เกิดเหตุคือวันที่ 10 มิถุนายน 2559 เวลาประมาณ 12.00 น. ผู้กองให้น้องเอ็มมาพบที่สำนักงานประมาณ 12.30 น. และสอบถามว่างานที่ทำไปเสร็จแล้วหรือยัง ปรากฏว่างานไม่เสร็จ ผู้กองจึงเรียกออกไปข้างนอกและสั่งให้วิ่งรอบกองพัน 5 รอบ ซึ่งน้องเอ็มก็วิ่ง วันนั้นอากาศไม่ร้อนมากเพราะฝนใกล้ตกและระหว่างวิ่งก็แวะดื่มน้ำบ้าง โดยมีเพื่อนร่วมงานเอาน้ำไปให้ แต่วิ่งได้เพียง 4 รอบ น้องเอ็มก็หยุดวิ่งเพราะวิ่งต่อไม่ไหว จึงไปพักหลังกองร้อย ส่วนตนก็ได้เดินไปดู ถามว่าวิ่งจบยัง น้องก็บอกว่าจบแล้ว และตนก็บอกให้น้องเอ็มกลับกองร้อยไปอาบน้ำพักผ่อน

          หลังจากที่พลทหารขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับกองร้อย และพักผ่อนจนร่างกายปกติ แต่มีที่ผู้กองสั่งไว้ยังทำไม่หมด เหลือท่าพุ่งหลัง (ท่าทำโทษแบบทหาร) อีก 20 ยก ซึ่งน้องก็ทำต่อแต่ทำได้แค่ 10 กว่ายกก็เลยพัก โดยน้องเอ็มได้เข้าไปพักในห้องนอนที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หลังจากน้องเอ็มเข้าห้องไปประมาณ 30 นาที เพื่อนกองร้อยก็ตามเข้าไปและพบว่าน้องเอ็มหมดสติ จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการวิ่งนั้นเราไม่ได้จับเวลา ไม่ได้บังคับ เพราะน้องเอ็มเป็นนายสิบ ต้องให้เกียรติกัน

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดและทุกคนในหน่วยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ ทางผู้กองเองก็ช่วยเหลือและไปเฝ้าที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็จัดการให้หมด ด้านพ่อแม่ของน้องก็เข้าใจดี ว่าการลงโทษไม่ได้รุนแรงและทางกองก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ก็ไม่เข้าใจว่าคนอื่นจะมาเรียกร้องเพื่ออะไร ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ของน้องเอ็มไม่ได้เรียกร้อง ส่วนตนเองนั้นรักน้องเอ็มเหมือนน้องเพราะอยู่ด้วยกันมาร่วม 3 ปี

        สำหรับอาการป่วยของน้องเอ็ม ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เลือดหยุดไหลหลังจากก่อนหน้าที่เลือดไหลออกมาตลอดเวลาจนแพทย์ไม่สามารถรักษาต่อได้ โดยในวันจันทร์นี้ทางแพทย์จะทำการส่องกล้องเอาลิ่มเลือดที่แข็งตัวออกจากปอดเพื่อให้ปอดสามารถทำงานได้เอง และขณะนี้ยังต้องให้ยาลดความดัน พร้อมกับใช้เครื่องช่วยชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม การตอบสนองของผู้ป่วยดีขึ้น และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลจากอีกฝ่าย อ้างว่าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกท่านหนึ่งได้แจ้งมาเพิ่มเติมถึงกรณีดังกล่าว

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Supakit Wisetanuphong, เฟซบุ๊ก‎ Wittaya Chareerut‎

** หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2559 เวลา 16.27 น.