
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยึดทรัพย์แม่อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี คดีปล่อยกู้ 4.2 พันล้าน ชี้ หลักฐานการหักล้างไม่เพียงพอ
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในคดีที่อัยการยื่นคำร้องให้ยึดทรัพย์นางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้คัดค้านที่ 1, นางสาวอรภัค สุวรรณภักดี บุตรสาว ผู้คัดค้านที่ 2, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้คัดค้านที่ 3 และนายนัฐพงศ์ สุวรรณภักดี บุตรชาย ผู้คัดค้านที่ 4
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบว่า นางภคินี ได้อนุมัติสินเชื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนายสุเทพ เจริญพรพานิชกุล ซึ่งมียอดหนี้ 4,278 ล้านบาท และเมื่อรวม 8 บัญชี เป็นเงิน 5,195 ล้านบาท ขณะที่เธอดำรงตำแหน่งกรรมการให้สินเชื่อชุดบริหารธนาคารมหานคร จำกัด ถือเป็นการทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารพาณิชย์ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้น จึงขอให้ศาลยึดทรัพย์สิน 4 รายการให้ตกเป็นของแผ่นดิน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ หลักทรัพย์บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 333 หุ้น รวมมูลค่าประมาณ 6,765,300 บาท
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในคดีที่อัยการยื่นคำร้องให้ยึดทรัพย์นางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้คัดค้านที่ 1, นางสาวอรภัค สุวรรณภักดี บุตรสาว ผู้คัดค้านที่ 2, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้คัดค้านที่ 3 และนายนัฐพงศ์ สุวรรณภักดี บุตรชาย ผู้คัดค้านที่ 4
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบว่า นางภคินี ได้อนุมัติสินเชื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนายสุเทพ เจริญพรพานิชกุล ซึ่งมียอดหนี้ 4,278 ล้านบาท และเมื่อรวม 8 บัญชี เป็นเงิน 5,195 ล้านบาท ขณะที่เธอดำรงตำแหน่งกรรมการให้สินเชื่อชุดบริหารธนาคารมหานคร จำกัด ถือเป็นการทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารพาณิชย์ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้น จึงขอให้ศาลยึดทรัพย์สิน 4 รายการให้ตกเป็นของแผ่นดิน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ หลักทรัพย์บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 333 หุ้น รวมมูลค่าประมาณ 6,765,300 บาท
หลังจากนั้น ศาลอุทธรณ์ ได้พิเคราะห์ว่า นางภคินี ได้อนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มนายสุเทพโดยไม่มีการวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน ไม่มีการเรียกหลักประกันคุ้มหนี้ ถือเป็นการกระทำทุจริตที่สร้างความเสียหายแก่ธนาคาร โดยธนาคารยังไม่ได้รับชำระหนี้คืนกว่า 4 พันล้านบาท
นอกจากนี้ มีการดำเนินคดีอาญากับผู้คัดค้านที่ 1 ฐานหลบหนีหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ปี 2549 รวมถึงการตรวจสอบของ ปปง. พบว่า ผู้คัดค้านที่ 1 มีทรัพย์สินที่ดินและหลักทรัพย์หลายรายการ ที่ได้มาหลังการกระทำผิด โดยไม่ปรากฏว่าเพียงพอที่จะซื้อที่ดิน ไม่สอดคล้องกับรายได้และฐานะ ส่วนทรัพย์สินผู้คัดค้านที่ 2-4 ที่ได้รับมาจากผู้คัดค้านที่ 1 ถือเป็นทรัพย์สินที่ไม่สุจริต ดังนั้นต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานนี้ แต่หลักฐานก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อการหักล้าง ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







