ย้อนรอยความผิด เบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง ช่วย โอ๊ค พานทองแท้ และ เอม พินทองทา ชินวัตร เลี่ยงภาษีจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ทำรัฐเสียหายร่วม 1.5 หมื่นล้านบาท
จากกรณีที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทย์ฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวกรวม 5 ราย กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือ นายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร บุตรของ นายทักษิณ ชินวัตร ในการไม่ต้องชำระภาษีจากการโอนหุ้นคนละกว่า 8,000 ล้านบาท โดย นางเบญจา หลุยเจริญ ถูกพิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนที่เจ้าตัวและพวกจะได้รับการประกันตัวในวงเงิน 3 แสนบาทนั้น [อ่านข่าว จำคุก 3 ปี เบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง ช่วยโอ๊ค-เอม เลี่ยงภาษี]
โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2549 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานถึงการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปย้อนหลังตั้งแต่ปี 2543 พบความผิดของนายพานทองแท้ที่ไม่ระบุข้อมูลการถือหุ้นชินคอร์ป 24.99% ตามมาตรา 246 ซึ่งนายพานทองแท้เป็นกรรมการบริษัท นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ได้ขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329.2 ล้านหุ้น ให้แก่นายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้นายพานทองแท้ถือหุ้นชินคอร์ปเกิน 25% แต่ไม่ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้น (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด
รวมถึง รายงานการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้นางสาวพิณทองทา เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2545 ก็ได้ได้ระบุการถือหุ้นชินคอร์ปของบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลตามมาตรา 258 จึงส่งผลให้นายพานทองแท้ ถูกปรับใน 3 ข้อหา รวมเป็นเงินกว่า 5.9 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่ามีหลายบริษัทที่เป็นนอมินี ถือครองหุ้นชินคอร์ปแทนคนในตระกูล ตรวจสอบพบว่า บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด เป็นบริษัทเดียวในหลายบริษัทที่ถือสัญชาติบริติชไอร์แลนด์ แต่มีการบันทึกข้อมูลบริษัทหลักทรัพย์ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสัญชาติบริษัท ขณะที่ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน คนสนิท คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูล มีเอกสารหลักฐานชี้ให้เห็นว่า บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ได้ขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329.2 ล้านหุ้นให้กับนายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา ตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ก่อนแจ้งต่อ ก.ล.ต. นานประมาณ 7 เดือน ดังเอกสารที่ปรากฏ คือหนังสือของกรมสรรพากรที่ กค 0706/7896 ลงวันที่ 21 กันยายน 2549 ลงนามโดย นางเบญจา หลุยเจริญ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้น ในเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย จากบริษัทผู้ขายในต่างประเทศ จนนำมาซึ่งความผิด ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ภาพจาก สปริงนิวส์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก