คลิปฉาวสาวไซด์ไลน์ ! จ่อฟันข้อหา "ข่มขืนใจให้กระทำตาม" ปมสั่งให้ถอดผ้าห่ม

          ตำรวจเตรียมตั้งข้อหา "ข่มขืนใจให้กระทำตาม" พริตตี้เมียหลวงในคลิปไล่สาวไซด์ไลน์แก้ผ้า ปมสั่งให้ถอดผ้าห่ม และเตรียมสอบปมจัดหาหญิงบริการ-พร้อมเรียกสอบผู้เสียหายปมค้ากาม 
    
          เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 พันตำรวจเอก นครินทร์ สุคนธวิท รองผู้บังคับการนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีคลิปอื้อฉาวหญิงสาวจับได้ว่าแฟนหนุ่มพาหญิงอื่นมาร่วมหลับนอนแล้วถูกไล่กลับในสภาพเปลือย ว่า วันนี้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เตรียมเรียกผู้อยู่ในคลิปทั้ง 3 คน มาสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบคลิปดังกล่าวพบว่า น้องมะนาว ผู้หญิงที่ไล่สาวเปลือยในคลิปไม่ได้ถืออาวุธปืน เพราะจากการตรวจสอบภาพในคลิปพบว่ามือหนึ่งถือโทรศัพท์และอีกมือเห็นนิ้วชี้อยู่ และจากการสอบถามน้องผู้หญิงเปลือยในคลิปให้การว่า น้องมะนาวไม่ได้มีอาวุธแต่อย่างใด
          ส่วนความผิดล่าสุดที่เห็นชัดคือการกระทำผิดในส่วนของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การนำเข้าข้อมูลลามกอนาจาร โดยน้องผู้หญิงในคลิปที่ไม่สวมเสื้อผ้าก็ได้เดินทางมาแจ้งความว่าได้รับความเสียหายแล้ว ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาข้อกล่าวหาว่าเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหาใดบ้าง


          ด้านพลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จะต้องไปตรวจสอบว่าใครเป็นผู้เผยแพร่และส่งต่อคลิป เนื่องจากการส่งต่อเข้าข่ายเผยแพร่ภาพลามกอนาจารอีกด้วย แต่เชื่อว่า ถ้าคนถ่ายถ่ายไว้แต่ไม่เผยแพร่ก็ไม่น่าจะมีคลิปหลุดออกไป

          ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา น้องมะนาว ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง อ้างว่าตนทำโทรศัพท์หายหลังจากส่งต่อคลิปดังกล่าวให้เพื่อน อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เจ้าของเฟซบุ๊ก "ทนายคู่ใจ" ได้เผยต่อ "เดลินิวส์ออนไลน์" ระบุว่า จากคำอ้างของพริตตี้สาวนั้นถือว่ารูปคดีนี้มีน้ำหนัก และอาจพ้นโทษในข้อหาเผยแพร่คลิปอนาจารได้มากถึง 70% ดังนั้นศาลต้องรักษาสิทธิ์ของจำเลย และพิสูจน์รูปคดีให้เป็นไปอย่างยุติธรรม


          ในส่วนของอัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องไปตรวจสอบคำกล่าวอ้างของน้องมะนาวว่าโทรศัพท์หายและมีการเคลื่อนไหวในการติดต่อสื่อสารหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีการติดต่อสื่อสารหลังคำกล่าวอ้างนั้น น้องมะนาวก็จะถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 278 เป็นความผิดฐานอนาจารโดยใช้กำลัง ประทุษร้าย มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 20,000 บาท โดยข้อหานี้เป็นในส่วนของวันเกิดเหตุไม่เกี่ยวกับการเผยแพร่คลิป

          อย่างไรก็ตาม โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ เมื่อโทรศัพท์หายจะต้องไปแจ้งความหรือติดต่อไปยังเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อระงับเลขหมาย แต่กรณีนี้น้องมะนาวมีการแจ้งความแล้วหรือไม่ อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการติดตามตัวเพื่อนสนิทที่นำคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์แล้วหรือไม่ ดังนั้นอัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องเร่งสืบค้นข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย