x close

พลเมืองดีร้อง ถูกยัดข้อหาหลังช่วยคน ลั่นต่อไปใครจะกล้าทำดี !!




          ช่างแดง ยอดพลเมืองดีเข้าช่วยชีวิตคนถูกทำร้าย แต่กลับถูกตำรวจแจ้งข้อหา "พยายามฆ่าชิงทรัพย์" เจ้าตัวเข้าร้องสื่อขอความยุติธรรม ตัดพ้อต่อไปใครจะกล้าเป็นพลเมืองดี

          เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมมิตร หนูทองแก้ว หรือ ช่างแดง อายุ 49 ปี เจ้าของธุรกิจร้านช่างแก้วเหล็กดัด พร้อมด้วยภรรยา เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน กรณีตัวเองทำตัวเป็นพลเมืองดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับถูกผู้ที่ตัวเองช่วยจนรอดตาย แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าชิงทรัพย์
          โดยนายสมมิตร เล่าว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างทำเหล็กดัดโครงหลังคา และยังเป็นอาสาสมัครหน่วยกู้-ภัยมูลนิธิใต้เต็กตึ้ง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 แต่เมื่อคืนวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา กลับกลายเป็นความโชคร้ายที่สุดในชีวิต ขณะที่ตนขับรถมาตามถนนสายเทิดพระเกียรติ (บางงัน-บ่อโพธิ์ ) ซึ่งถนนมืดตลอดสาย จนกระทั่งผ่านสี่แยกบางงัน ได้พบรถเก๋งชนอัดกับเสาปูนริมถนน โดยมีคนเจ็บเลือดท่วมตัวนอนอยู่ข้างรถเก๋งคันดังกล่าว ตนคิดว่ารถเก๋งคันดังกล่าวได้เกิดอุบัติเหตุชนกับเสาปูน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ จึงรีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัยใต้เต็กตึ้งให้มารับคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล

          ส่วน คนเจ็บคือ นายปิยะชัย คงดำ มีรอยแผลถูกทุบตีด้วยของแข็งเข้าที่ใบหน้าและศีรษะจนแตกเป็นแผลฉกรรจ์  ตนและเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลจนฟื้นคืนสติ และโทรแจ้ง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ช่วยเดินทางมาตรวจสอบทำแผนที่เกิดเหตุ ก่อนจะรีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางตำรวจได้จดชื่อ ที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ของตนและถ่ายรูปตนไว้ 1 รูป ในฐานะพลเมืองดีแจ้งเหตุ โดยนำไปลงบันทึกประจำวันเหตุทำร้ายร่างกายในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งในบนทึกประจำวันได้ระบุว่า ตนเป็นพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

          หลังจากนั้นเวลาล่วงไปเกือบ 3 เดือน นายปิยะชัย ผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนพ้นขีดอันตรายแต่ดวงตาบอด 1 ข้าง เนื่องจากถูกทำร้าย ได้ให้ปากคำกับ ร.ต.ท. พิเชษฐ์ เรียบร้อย พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ ไม่ทราบว่าตัวเองมาอยู่ในจุดเกิดเหตุได้อย่างไร และไม่ทราบว่าใครทำร้าย ประกอบกับจุดที่เกิดเหตุมืดมาก ๆ จึงมองอะไรไม่เห็น จำอะไรไม่ได้เลย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้นายปิยะชัยทราบ ว่าคนที่มาพบและช่วยเหลือคือตน พร้อมให้นายปิยะชัยดูภาพของตนในโทรศัพท์ ซึ่งนายปิยะชัยได้ฝากขอบคุณตนที่ให้การช่วยเหลือจนมีชีวิตรอดมาได้

          ต่อ มา ร.ต.ท. พิเชษฐ์ ได้ส่งมอบสำนวนคดีนี้ให้กับนายตำรวจระดับ รอง ผกก.สภ.เมือง คนหนึ่งดำเนินการต่อ ซึ่งทาง รอง ผกก.สภ.เมือง คนดังกล่าว ได้เรียกนายปิยะชัยไปสอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้นายปิยะชัยได้ให้การไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ จนตนต้องถูกเรียกให้ไปสอบสวน และถูกแจ้งข้อกล่าวหา "พยายามฆ่าเอาทรัพย์สินในเวลากลางคืน" โดย รอง ผกก. ท่านดังกล่าวอ้างว่า นายปิยะชัยให้การระบุว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ที่นายปิยะชัยโดนทำร้ายด้วย 

          ด้วยเรื่องราวที่กลับตาลปัตดังกล่าว ทำให้ตนงงไปหมด ทั้งที่ตั้งใจทุ่มเทในการเป็นพลเมืองดีช่วยเหลือผู้อื่นมาตลอด ช่วยเหลือนายปิยะชัยจนรอดตาย แต่กลับมาถูกตำรวจแจ้งข้อหาดำเนินคดี ฐานพยายามฆ่าเอาทรัพย์สินในเวลากลางคืนเสียเอง มันเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก ๆ และที่สำคัญตนไม่ได้กระทำผิด ซึ่งตนให้การยืนยันปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ในขณะนี้ รอง ผกก. คนดังกล่าวได้เสนอเรื่องไปยังอัยการ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องตนในวันที่ 6 กันยายนนี้

          ทั้ง นี้ นายสมมิตรได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หากพลเมืองดีที่ช่วยเหลือคนอื่น แต่กลับมาตกเป็นผู้ต้องหาเสียเอง ต่อไปในสังคมใครจะกล้าเป็นพลเมืองดีอีก สังคมจะอยู่กันอย่างไร ตนไม่รู้ว่าจะพึ่งใครไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมมาแล้วแต่เรื่องก็เงียบ จึงตัดสินใจมาร้องขอกับสื่อมวลชนได้โปรดช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย



ภาพจาก เฟซบุ๊ก สมมิตร หนูทองแก้ว,

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พลเมืองดีร้อง ถูกยัดข้อหาหลังช่วยคน ลั่นต่อไปใครจะกล้าทำดี !! โพสต์เมื่อ 27 สิงหาคม 2559 เวลา 18:56:00 28,914 อ่าน
TOP