
สจล. ตั้งโต๊ะแถลงปมร้อน "วิมานพระอินทร์" ลอกงานต่างชาติ ยันไม่ได้ก๊อบปี้ใครแน่นอน พร้อมถอดแบบเจ้าปัญหาที่จะเสนอ กทม. ออกแล้ว
หลังจากเป็นที่ถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโลกออนไลน์ ถึงความคล้ายคลึงของแบบอาคาร "วิมานพระอินทร์" หรือ พิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร ที่เป็นหนึ่งในโปรเจคท์แผนงานโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ามีความคล้ายคลึงกับหอคอย The Crystal Island ประเทศรัสเซีย อีกทั้งยังไปคล้ายกับอนุสาวรีย์ "ฮิโช" (Hisho) แลนด์มาร์กแห่งเมืองนาโงย่า ประเทศญี่ปุ่น ด้วยนั้น

พร้อมกันนี้ ทาง สจล. ยังชี้แจงด้วยว่า โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้งบทั้งหมด 120 ล้านบาท ครอบคลุมหลายแผนงาน ในส่วนของแลนด์มาร์ก หรือจุดหมายตาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นประเด็นกันอยู่นั้น อยู่ในแผนงานที่ 11 ไม่ได้อยู่ใน TOR สัญญาจ้างที่ปรึกษาเพื่อสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาริมน้ำเจ้าพระยา ภายใต้งบดังกล่าว ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้างจุดหมายตาก็เพื่อเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่เขตกรุงเทพมหานคร โดยมี 4 จุดด้วยกัน วิมานพระอินทร์ อยู่ในจุดทางตอนเหนือ เน้นรูปแบบอาคารที่สื่อความเป็นไทยในแบบรัตนโกสินทร์

ทั้งนี้ ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี รองผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า แนวคิดหลักมาจาก "นาคนาม" ทางทิศเหนือเป็นเศียรนาค กลางเป็นท้องนาค และปลายเป็นหางนาค แนวคิดมาเช่นนี้ จึงมาคิดต่อว่าจะทำอะไรให้เป็นจุดสำคัญ ซึ่งก็นึกถึงพระอินทร์ จากการศึกษามีทางเลือกหลายแบบ แต่ที่มียอดแหลมสูงสุดคือ ทรงจมแห เป้าหมาย รูปทรง เข้ากับเนื้อหาหมด ความจริงแล้วจุดหมายตาวิมานพระอินทร์ มีทางเลือก 3 แบบ 2 แบบแรก เป็นหลังคาซ้อนชั้นแบบไทย แต่รูปร่างที่ดินโค้ง พอทำเสาเหลี่ยมจะไม่ค่อยเอื้อกับพื้นที่ จึงใช้รูปทรงกรวยแทน ที่มองเห็นรอบด้านก็เลยเป็นทรงจอมแหอย่างที่เห็น โดยเป็นเพียงร่างเท่านั้น ขอย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะลอกแบบในยุคที่ใคร ๆ ก็หาง่าย ๆ ในกูเกิล
อย่างไรก็ดีจากประเด็นที่เป็นข้อกังขาของสังคม จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความไม่สบายใจ ทาง สจล. ตัดสินใจจะไม่บรรจุแบบอาคารดังกล่าวลงไปในรายงานที่จะนำเสนอกทม. ในวันที่ 26 กันยายนนี้ พร้อมขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันอีกครั้งว่า เพิ่งเคยเห็นแบบอาคารของที่รัสเซียและญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหลังจากมีข่าว ด้วยความสัตย์จริง
ส่วนทาง กทม. จะพิจารณาให้มีจุดหมายตา หรือแลนด์มาร์กในส่วนของจุดทางเหนือ หรือวิมานพระอินทร์ ต่อไปหรือไม่ หากได้รับการอนุมัติก็จะต้องมีการศึกษาใหม่อีกครั้ง

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร








