โล่งโจ้ง งานฟุตบอลประเพณีฮาร์วาร์ด-เยล มีป่วน นักศึกษาเอาฮา แก้ผ้าเชียร์กันอล่างฉ่าง

         ลมเย็นไหม !? นักศึกษามหาวิทยาลัยเยล โชว์วีรกรรมเกรียนปนฮา แก้ผ้าเชียร์ ในงานฟุตบอลประเพณี เล่นเอาเฮฮาทั้งสนาม แต่ตำรวจไม่ฮาด้วย ทำเกมดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง

         งานอเมริกันฟุตบอลประเพณีสุดเก่าแก่ของสองมหาวิทยาลัยระดับท็อปของสหรัฐฯ อย่างฮาร์วาร์ดและเยล จัดกันมาอย่างยาวนาน โดยปีนี้เป็นปีที่ 113 และมีเหตุการณ์ที่สร้างสีสันแก่การแข่งขันอยู่ทุกปี แต่ปีนี้สีสันของงานออกจะติดเรตนิด ๆ โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า กลุ่มนักศึกษาฝ่ายสีน้ำเงิน (สีประจำมหาวิทยาลัยเยล) เล่นเอาฮือฮาทั้งสนามเพราะนุ่งลมห่มฟ้าเชียร์ ! หืม...เล่นแบบนี้เลยเหรอ

         อย่างไรก็ตามการแก้ผ้าขณะเชียร์นี้ไม่ใช่ว่าเล่นเอาฮาเฉย ๆ เพราะมันมีที่มาที่ไป เหล่านักศึกษาเยลมีประเพณีที่เรียกกันว่า "เซย์บรูค สตริป" เป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานกว่า 40 ปี กิจกรรมดังกล่าวคือ ในขณะที่เกมดำเนินไปสู่ควอเตอร์ที่ 3 เหล่านักศึกษาเยลทั้งชายหญิงจะพร้อมใจกันถอดเสื้อผ้าจนหมดเหลือแต่กางเกงชั้นใน !

         โดยขณะที่เกมระหว่าง ฮาร์วาร์ดคริมสัน สีแดง กับ เยลบูลด็อกส์ สีน้ำเงิน ในสนามกำลังดุเดือด เข้าสู่ควอเตอร์ที่สาม กองเชียร์จากเยลที่กำลังเชียร์อย่างคึกคักก็เริ่มเปลื้องผ้า แต่มีหนุ่ม ๆ ราวสิบคนที่ไม่ใช่แค่เปลื้องผ้าตามประเพณี แต่เล่นเอาซะล่อนจ้อน แถมยังยืนร้องเพลงกันบนขอบสนามไปอีก !

         การแก้ผ้าหมดไม่เหลือแบบนี้ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยในสนามย่อมไม่ปลื้ม และเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ นำตัวกลุ่มหนุ่ม ๆ ที่แก้ผ้าสร้างความอนาจารออกไปจากสนาม ซึ่งทำให้เกมในสนามต้องหยุดพักชั่วคราว ใช้เวลาราว 40 นาที ถึงกลับมาเริ่มแข่งได้อีกครั้ง

         อย่างไรก็ตาม การนุ่งลมห่มฟ้าของกลุ่มหนุ่ม ๆ ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะสร้างปาฏิหาริย์บางอย่าง เพราะหลังจบเกมปรากฏว่า ทีมเยลบูลด็อกส์สามารถเอาชนะ ทีมฮาร์วารด์คริมสันไปได้ 21 ต่อ 14 และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่เยลสามารถเอาชนะฮาร์วาร์ดได้หลังจากแพ้มาโดยตลอด !

         เรียกได้ว่าเป็นการกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว การแก้ผ้าของหนุ่ม ๆ ในครั้งนี้ อาจจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถกระตุ้นพลังของเหล่านักฟุตบอลก็เป็นได้ และเพราะโชคดีแบบนี้ ไม่แน่ว่าในปีหน้าอาจจะได้เห็นกองเชียร์เยลเล่นอะไรแบบนี้อีกก็เป็นได้...ใครจะรู้