วานนี้ (2 ต.ค.) พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) มูลค่า 30,000 ล้านบาท โดยในการก่อสร้างมีการแยกระหว่าง โครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบรางออกจากระบบอาณัติสัญญาณและระบบรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะกำชับให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดทำแผนรายละเอียดของโครงการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและตัวรถไฟฟ้า โดยให้ทำแผนรายละเอียดควบคู่กันไป ทั้งในส่วนของการเข้ามาลงทุนของเอกชน เรื่องการจัดเก็บค่าโดยสาร และการบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าในอนาคต เพื่อให้หลังจากการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน และระบบรางรถไฟฟ้าแล้วเสร็จก็จะสามารถเดินหน้างานในส่วนของเอกชนต่อได้ทันที
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น พล.ร.อ.ธีระ กล่าวว่า ในส่วนนี้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้จัดหา โดยในเบื้องต้น กระทรวงคลังยืนยันว่าพร้อมจะจัดหาแหล่งเงินกู้ในประเทศเข้ามาดำเนินการ หลังจากที่การกู้เงินลงทุนจากเจบิก ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่ยังเหลืออยู่อีกทั้งหมด รัฐบาลจะพยายามผลักดันให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติกรอบการลงทุนอีก 1 สาย คือ สายสีแดง ระยะที่ 2 (บางซื่อ-รังสิต) โดยกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการสรุปแผนและนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ให้ได้ภายในปลายเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้
ด้านนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการเปิดประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) จะใช้วิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในการเดินรถ และบริหาร ในลักษณะเดียวกับ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ลงทุนให้บริการเดินรถ ร่วมกับ รฟม. แต่จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป โดยในรายละเอียดจะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) พิจารณาก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ส่วนการเวนคืนที่ดินในการก่อสร้าง จะให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ประเมินราคาที่ดินร่วมกับ รฟม. ทั้งการชดเชย และการจ่ายราคาที่ดินตามราคาตลาด
ขณะที่นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงว่า ล่าสุด หากไม่สามารถใช้เงินกู้ของเจบิกในการก่อสร้างระบบรางจะใช้เงินประมาณ 32,000 ล้านบาท รฟม.จะได้รับเงินงบประมาณร้อยละ 25 ที่เหลืออีกร้อยละ 75 จะกู้จากในประเทศ หรือแหล่งอื่น
ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้นำธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน หรือไชนีส เอ็กซิมแบงก์ มาหารือกับกระทรวงการคลังแล้วในระดับเจ้าหน้าที่ โดยกระทรวงการคลังจะเร่งทำกรอบวงเงินที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ภายในเดือนตุลาคมนี้จำนวน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ระยะเวลา กู้ 15 ปี ซึ่งแหล่งเงินนี้ไม่ได้นำมาใช้ในระบบสายสีม่วงเท่านั้น แต่จะนำไปใช้ในเรื่องอื่นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- BTS สายสีลม หยุดวิ่งชั่วคราว อ้างขัดข้องทางเทคนิค
- คมนาคม เตรียมลดค่าโดยสาร วันลงประชามติ 19 ส.ค.
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
