ข่าว สิ่งแวดล้อม นายอัล กอร์ คว้าโนเบลสาขาสันติภาพ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2550 กอร์เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "An Inconvinient Truth" ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การสร้างจิตสำนึกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม สำนักข่าวเอพี รอยเตอร์และเอเอฟพี รายงานว่า คณะกรรมการพิจารณาผู้เหมาะสมสำหรับรางวัลโนเบลประจำปี 2550 ได้เลือกนายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาวัย 59 ปี และคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (ไอพีซีซี) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ร่วมกัน จากความพยายามของพวกเขาที่รณรงค์เผยแพร่ความรู้และสร้างจิตสำนึกให้ผู้คนหันมาตระหนักและต่อสู้กับภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์
ทั้งนี้ อัล กอร์ เคยเป็นรองประธานาธิบดีของสหรัฐสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน และพ่ายแพ้ในการลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2543 ต่อนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช โดยก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2550 กอร์เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "An Inconvinient Truth" ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับรางวัลดังกล่าวด้วย
คณะกรรมการผู้พิจารณารางวัลโนเบลระบุว่า "ความตั้งใจอย่างแรงกล้าของกอร์ซึ่งสะท้อนออกมาทางกิจกรรมทางการเมือง การบรรยาย ภาพยนตร์และหนังสือได้สร้างจิตสำนึกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน น่าจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่พยายามมากที่สุดในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เราควรจะทำในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน"
คณะกรรมการยังระบุว่า กอร์ เป็นหนึ่งในนักการเมืองชั้นนำของโลกที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลายาวนานและเป็นคนที่ตระหนักว่าโลกกำลังประสบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาตั้งแต่แรก
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการได้ยกย่องไอพีซีซี สำหรับการศึกษาและเผยแพร่รายงานทางวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งก่อให้เกิดความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำของมนุษย์และภาวะโลกร้อนในมิติที่กว้างขวางอย่างไม่เคยมีมาก่อน
คณะกรรมการระบุอีกว่า เป็นเพราะความพยายามของไอพีซีซีที่ทำให้ปัญหาโลกร้อนได้รับความใส่ใจมากยิ่งขึ้น โดยในทศวรรษที่ 1980 ทฤษฎีที่ว่าโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ จากการกระทำของมนุษย์เป็นเพียงทฤษฎีที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ในยุคทศวรรษที่ 90 ไอพีซีซีได้ศึกษาและเผยแพร่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนว่าทฤษฎีนี้เป็นจริง และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างชัดเจนระหว่างการกระทำของมนุษย์กับผลที่ตามมาของภาวะโลกร้อน
ไอพีซีซีเป็นหน่วยงานของยูเอ็นที่มีนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 2,500 คน จากมากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ทำหน้าที่ศึกษาวิจัยและนำเสนอรายงานที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้น
สำหรับนายอัล กอร์ ได้เปิดเผยหลังจากได้รับรางวัลว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และยิ่งมีความหมายมากขึ้นในการที่ผมได้รางวัลร่วมกับไอพีซีซี โลกเรากำลังเผชิญหน้ากับภาวะฉุกเฉิน เป็นโอกาสดีที่เราจะสร้างความตระหนักต่อภาวะโลกร้อนในระดับที่สูงขึ้น"
การตัดสินใจของคณะกรรมการผู้พิจารณามอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้กับบุคคลหรือหน่วยงานที่รณรงค์ต่อสู้ภาวะโลกร้อน เป็นการปฏิบัติตามแนวโน้มในการขยายคำจำกัดความของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากประเพณีดั้งเดิมที่จะต้องมอบรางวัลให้กับผู้ที่มีผลงานทางด้านการป้องกันและแก้ปัญหาความขัดแย้ง การยุติสงครามหรือการปลดอาวุธ โดยหลายปีที่ผ่านมาผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขานี้เป็นผู้ที่ทำงานด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่ก็มีผู้ที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมที่เคยได้รับรางวัลนี้แล้ว รวมทั้งเมื่อปี 2549 นายมูฮัมหมัด ยูนุส และธนาคารกรามีนของเขา ก็ได้รับรางวัลจากการต่อสู้กับความยากจน
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลในแต่ละสาขาจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 10 ล้านเหรียญสวีเดน หรือประมาณ 54 ล้านบาท โดยจะมีการมอบรางวัลในวันที่ 10 ธันวาคม ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
สำหรับหนังสือชื่อ An Inconvinient Truth ของ อัล กอร์ นั้น ทางสำนักพิมพ์มติชน ได้แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณากร วาณิช์วิรุฬห์ และให้ชื่อว่า "โลกร้อน ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง" นอกจากนี้ ทางสำนักพิมพ์มติชนยังปรับปรุงเนื้อหาเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รับสาระเนื้อหาที่ อัล กอร์ นำเสนอในรูปของหนังสือชื่อ An Inconvinient Truth (Young Adult Version) ชื่อไทยว่า "โลกร้อน ฉบับคนรุ่นใหม่" แปลโดยพลอยแสง เอกญาติ อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โลกร้อน...ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง
-