ข่าว เผย วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี แม้ในวัย 92 ปี แต่ความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ วาเด็ง ปูเต๊ะ ไม่เคยเสื่อมคลาย เผยหลัง ในหลวง ทรงพระประชวร วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ ละหมาด ขอพรพระเจ้าทุกวัน
วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี แม้ในวัย 92 ปี แต่ความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณไม่เคยเสื่อมคลาย เผยหลังในหลวงทรงพระประชวรก็ละหมาดขอพรพระเจ้าทุกวัน และตามข่าวอย่างใกล้ชิดทุกเช้า-ค่ำเพื่อติดตามพระอาการ
"ตอนที่ไม่มีทีวีให้ดู เวลาอยากเห็นหน้าในหลวงก็จะหยิบเงินมาดูก็พอหายคิดถึงได้บ้าง พอมีทีวีแล้วก็จะรอดูแต่ข่าวในพระราชสำนักทุกวัน แต่พอพระองค์ทรงพระประชวรก็ต้องมาตามดูข่าวในพระราชสำนักตอนกลางวัน และตอนค่ำด้วย"
หยาดฝนที่พรั่งพรูซึมทะลุหลังคาบ้านไม้ยกพื้นสองชั้น ซึ่งมีรูรั่วหลายแห่งจนต้องใช้ถังน้ำมารองไม่ได้ทำให้เจ้าของบ้านผู้สมถะอย่าง วาเด็ง ปูเต๊ะ หรือ "เป๊าะเด็ง" หรือที่รู้จักกันในนาม "พระสหายสายบุรี" ในวัย 92 ปี ละเลยต่อกิจกรรมหลักในชีวิตประจำวันที่ทำมาตลอดเกือบ 1 เดือน...นั่นคือ การละหมาดขอพรต่อพระเจ้าเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จึงทำให้เป๊าะเด็ง และพสกนิกรในพื้นที่ทุกคนพ้นจากความทุกข์ยากในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม
จากพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่...ใช้ประโยชน์ไม่ได้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลาก และเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ในวันนี้พสกนิกรจึงมีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างทั่วถึง และบริบูรณ์
นอกจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วการทูลเกล้าฯ ถวายข้อมูลในพื้นที่ และที่ดินผืนหนึ่งเพื่อทำโครงการพระราชดำริ จึงทำให้เป๊าะเด็งได้กลายมาเป็น "พระสหาย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตที่น้อยคนจะได้รับ...
ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 จึงถือเป็นวันที่เป๊าะเด็ง ปลาบปลื้มปีติอย่างที่สุดอีกวันหนึ่งในชีวิต เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร และเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักจิตรลดา...ท่ามกลางความปีติยินดีของพสกนิกรทั้งประเทศ...
อยากให้เป๊าะเด็ง ช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่ได้รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่คาดฝัน จนกระทั่งได้กลายมาเป็น "พระสหาย" แห่งสายบุรี ในเวลาต่อมา
วันนั้นเป๊าะกำลังทำสวนอยู่กับภรรยา (นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ) บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอเป็นป่าทึบ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "ในหลวง" ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง
เป๊าะตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่าในหลวงต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้นอ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ
แต่ตอนนั้นเป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้วเป๊าะก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือเปล่า จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 บาท กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ
ตอนแรกที่พบในหลวงเป๊าะก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วย แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายูว่า จะสร้างคลองชลประทานให้ หลังจากนั้นในหลวงท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง จึงได้เล่าให้ในหลวงทรงทราบว่าคลองเส้นนี้ทางเหนือจะติดเขตพื้นที่ อ.ศรีสาครจ.นราธิวาส
ในหลวงตรัสถามว่าหากออกไปทางทะเลจะมีเกาะกี่เกาะ เป๊าะก็ตอบพระองค์ไปว่ามี 4 เกาะในหลวงจึงทรงเอาแผนที่ที่นำติดตัวมาออกมาดูอีกครั้ง และตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง...เหมือนกับชาวบ้านอีกหลายพื้นที่ที่พระองค์เคยเข้าไปช่วยเหลือมาแล้ว "พระองค์ยังตรัสด้วยว่า "ไม่ว่าจะไปช่วยใครที่ไหนก็ต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน...เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น"
วันรุ่งขึ้นข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้เป๊าะพายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ พระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร
ตอนพายเรืออยู่ ในหลวงตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย...มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง"
เป๊าะจึงบอกในหลวงว่าเมื่อถึงเวลาหน้าฝน น้ำจะท่วม ทำนาไม่ได้ เมื่อถึงหน้าแล้ง ก็ทำนาไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
พระองค์ก็ตรัสกับเป๊าะอย่างไม่ถือพระองค์และตรัสถามอีกว่า ชาวบ้านทำการเกษตรอะไรบ้าง เป๊าะจึงตอบพระองค์ไปว่าชาวบ้านไม่เดือดร้อนอะไร ทุกคนทำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท คือ ปลูกพืชผักสวนครัว และทำสวนไว้กินกันทุกบ้าน
จากนั้นในหลวงคงจะทรงลองใจเป๊าะ จึงตรัสถามขอที่ดินเพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้มเป๊าะจึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวงจึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้เป๊าะเป็น "พระสหาย" ตั้งแต่บัดนั้น
ในหลวงตรัสเรื่องนี้ว่า "วาเด็งเป็นคนซื่อตรง...จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง" พร้อมทรงชวนให้เป๊าะและภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง
ต่อมาในหลวงทรงสงสารจึงมอบเงินให้เป๊าะครั้งละหลายหมื่นบาท หากไม่ได้เสด็จฯ มาก็ทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แทบทุกครั้ง
ล่าสุด ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย เป๊าะก็นั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภูมิกับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี"
ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร เป๊าะเด็งติดตามพระอาการของพระองค์อย่างไร และได้ทำอะไรเพื่อถวายพระพรแด่พระองค์บ้าง
เป๊าะติดตามข่าวพระอาการของในหลวงทางทีวีตลอดคิดว่า เมื่อพระองค์หายจากพระอาการประชวรก็จะติดต่อนายอำเภอเพื่อขอเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงพอที่จะไปพบพระองค์ได้อีกในชีวิตนี้
เป๊าะยังละหมาดขอพรพระเจ้าให้ในหลวง และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน และไม่ใช่แต่เป๊าะเท่านั้นเพราะพี่น้องมุสลิมในหมู่บ้านกว่า 100 หลังคาเรือนก็ละหมาดเหมือนเป๊าะด้วยความเป็นห่วงในหลวง ซึ่งทรงเป็นพ่อของแผ่นดินกันทุกคน
นอกจากละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าเป๊าะยังเดินทางจาก จ.นราธิวาส มาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึงโรงพยาบาลศิริราชด้วย
นอกจากจะทูลเกล้าฯ ถวายผลจำปาดะแล้ว เป๊าะได้เตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนจะเดินทางไปเข้าเฝ้าฯในหลวง
เป๊าะยังได้สั่งตัดเสื้อผ้าเอาไว้ที่ร้านในเมือง เพื่อหวังว่าพระองค์ท่านจะได้เห็นเสื้อผ้าชุดใหม่ กว่าจะตัดเสื้อผ้าเสร็จต้องไปเฝ้าร้านอยู่หลายวัน กลัวจะไม่ทันใส่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้พระองค์ดูว่าวาเด็งแต่งกายเรียบร้อย...ไม่อายคนที่ได้เป็นพระสหายแห่งสายบุรี
ความรู้สึกหลังกลับจากเดินทางเข้าเฝ้าฯพระอาการประชวรเป็นอย่างไร และมีเพื่อนบ้านเดินทางเข้ามาถามรายละเอียดพระอาการประชวรของในหลวงกับเป๊าะมากแค่ไหน
พอกลับมาจากการถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มีชาวบ้านจำนวนมากทยอยกันมาหามาเยี่ยมถึงบ้านเพื่อสอบถามพระอาการประชวร เป๊าะก็บอกว่า ในหลวงมีคุณหมอรักษาดีคงจะหายประชวรในไม่นานนี้ ทำให้ชาวบ้านทุกคนคลายความเป็นห่วงไปมาก
ทุกวันนี้เวลาอยู่บ้านและคิดถึงในหลวง เป๊าะจะทำอย่างไร
เวลาคิดถึงในหลวงมากเป๊าะก็จะขี่รถจักยานยนต์คันเก่าออกไปที่ประตูน้ำที่เคยพบในหลวงครั้งแรก เพื่อทบทวนความทรงจำเก่าอันแสนภูมิใจที่อัลเลาะห์ประทานพรให้เป๊าะเป็นคนโชคดี ได้พบกับเจ้าแผ่นดินที่ทรงช่วยเหลือปกป้องพี่น้องมุสลิมทั้งสามจังหวัดให้อยู่ดีกินดี
เมื่อก่อนตอนที่ไม่มีทีวีให้ดูเวลาอยากเห็นหน้าในหลวง ก็จะหยิบธนบัตรมาดูก็พอหายคิดถึงได้บ้าง พอมีทีวีแล้วก็จะรอดูแต่ข่าวพระราชสำนักทุกวันแต่พอพระองค์ทรงพระประชวรก็ต้องมาตามดูข่าวพระราชสำนักตอนกลางวัน และตอนค่ำด้วย เพราะต้องการจะรู้ว่าพระองค์ทรงหายประชวรแล้วหรือยัง อาการดีขึ้นขนาดไหน
นอกจากความจงรักภักดีซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว เป๊าะและพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้นำเอาแนวพระราชดำรัสของพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร
ในหลวงทรงมีพระราชดำริโครงการต่างๆให้ชาวบ้านรับรู้มานานแล้ว อย่างเช่นตอนที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยความยากลำบาก กว่าจะมาทำโครงการขุดคลองสายชลประทานบ้านทุ่งเค็จ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมตลอดปี เพราะไม่มีที่ระบายน้ำยามฝนตก และไม่มีที่กักเก็บน้ำยามหน้าแล้ง พระองค์จึงต้องรีบช่วยเหลือให้ชาวบ้านช่วยเหลือตัวเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
พระองค์ยังทรงเป็นต้นแบบของความพอเพียงฉะนั้น เมื่อจะใช้เงินไปซื้ออะไรเป๊าะก็ไม่อยากซื้อ เพราะต้องเอารูปในหลวงไปให้คนอื่น จึงทำให้เป็นการประหยัดไปในตัว เพื่อนบ้านยกย่องต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง
นายมะแอสาและ อายุ 61 ปีชาวบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเป๊าะเด็ง กล่าวว่า หลังจากเป๊าะเด็ง กลับมาจากกรุงเทพฯ ชาวบ้านจำนวนมากได้แวะเวียนไปถามพระอาการของในหลวงกันมาก
"พอถึงเวลาละหมาดร่วมกันที่มัสยิด ทุกคนก็พร้อมใจกันละหมาดขอพรพระเจ้าให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว"
มะแอกล่าวชื่นชมเป๊าะเด็งว่า ปกติเป๊าะจะเป็นคนซื่อตรงเรียบง่าย หลังจากเข้าเฝ้าฯ ในหลวงแล้วยังได้บริจาคที่ดินสร้างสถานีอนามัยและถนนแทบทุกสายในหมู่บ้านบาเลาะ จึงทำให้ชาวบ้านให้ความเคารพรักพระสหายแห่งสายบุรีเป็นอย่างมาก
นอกจากจะนำสถานีอนามัยและถนนมาสู่หมู่บ้านแล้ว เป๊าะเด็งยังนำแสงสว่าง คือ "ไฟฟ้า" มาสู่หมู่บ้านของท่านอีกด้วย ฝ่ายปกครองผู้ที่เป๊าะเด็งมีความสนิทสนมมากที่สุด คือ นายพลากรสุวรรณรัฐ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี)
"ท่านพลากร เป็นผู้ว่าฯ คนเดียวที่เข้าใจชาวบ้านดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน ทำให้เป๊าะเด็งรักท่านพลากรมาก มีหลายครั้งที่เป๊าะเด็งบ่นว่าเมื่อผู้ว่าฯ พลากร ไม่อยู่แล้ว ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเอง ไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีก เพราะคงไม่มีผู้ว่าฯ คนไหนจะเข้ามาเดินดูความเดือดร้อนของชาวบ้านถึงในป่าเหมือนผู้ว่าฯ คนนี้ที่เป๊าะเด็งสนิทสนมมาก"
เพื่อนบ้านรายนี้ยังยกให้เป๊าะเด็งเป็น "แบบอย่าง" ของคนที่ซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัวและใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะต้องการทำตัวให้เป็นแบบอย่างตามพระราชดำรัสของในหลวงที่รู้จักกินรู้จักใช้ตามวิถีทางชุมชนชนบทกับเศรษฐกิจพอเพียงของชาวบ้านจนถึงทุกวันนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่สุด คือ พระสหายแห่งสายบุรีได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งในฐานะ "พระสหายแห่งสายบุรี" และ "ตัวแทนพี่น้องมุสลิม" ในสามจังหวัดชายแดนใต้ทุกๆคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ความห่วงใยจาก "วาเด็ง ปูเต๊ะ" พระสหาย ถึง ในหลวง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
เรื่อง: ประยุทธสิวายะวิโรจน์
ภาพ: จรูญทองนวล